Business

ผลงานครึ่งปีแรก ‘ 10 หุ้นบิ๊กแคป’ มูลค่าหายไปเท่าไหร่

เช็ค!ผลงานครึ่งปีแรก “10 หุ้นบิ๊กแคป” มูลค่าหายไปเท่าไหร่ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สำรวจมุมมอง ครึ่งปีหลังลงทุนอย่างไรต่อไป

วันนี้ได้โอกาสมาสรุปสภาวะตลาดหุ้นไทย หลังผ่านช่วงครึ่งแรกไปแล้ว ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีนัก ด้วยสถานการณ์ของ COVID-19 ที่มาเล่นงาน และความไม่มั่นคงของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังไร้ทิศทาง  ดังจะเห็นว่ามูลค่ารวมของ 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ ในตลาดหุ้นไทย หายไปมหาศาลในเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น วันนี้ เราได้สรุปตัวเลขมาให้ดูกันชัดๆ พร้อมมุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีที่เหลือกัน

1. PTT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีครบวงจร ผ่านการลงทุนกับบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นและปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า สถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ

ปตท.

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น PTT ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 40.50 บาท บทสมมติฐาน P/E 18.1 เท่า P/BV 1.2 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.7%

2. AOT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย โดยมีท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

aot

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น AOT ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 62.07 บาท บทสมมติฐาน P/E 174.3 เท่า P/BV 5.7 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.4%  

3. CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป รวมถึงศูนย์จำหน่ายสินค้า “แม็คโคร”

cpall

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น CPALL ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 81.41 บาท บทสมมติฐาน P/E 28.8 เท่า P/BV 5.7 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.8%

4. ADVANC บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส

ais

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น ADVANC ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 220 บาท บทสมมติฐาน P/E 19.5 เท่า P/BV 7.1 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.6%  

5. SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจการลงทุน (Holding company) ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง

scb

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น SCC ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 374 บาท บทสมมติฐาน P/E 15.8 เท่า P/BV 1.5 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 3.3%  

6. GULF บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

Holding Company ด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็น และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

gulf

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น GULF ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 36.98 บาท บทสมมติฐาน P/E 95.4 เท่า P/BV 9.1 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.6%  

7.  PTTEP บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

ประกอบธุรกิจด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจขนส่งก๊าซทางท่อในต่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง

pttep

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น PTTEP ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 96.20 บาท บทสมมติฐาน P/E 17.1 เท่า P/BV 1 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 3%  

8. BDMS บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศ โดยมีโรงพยาบาลเครือข่าย คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล

bdms

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น BDMS ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 23.16 บาท บทสมมติฐาน P/E 45.3 เท่า P/BV 4.2 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.2% 

9. SCB ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 

ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินครบวงจร รวมถึงบริการด้านธุรกิจหลักทรัพย์ บริการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล บริการด้านบัตรเครดิตและการรับฝากทรัพย์สิน

scb1

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น SCB ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 89 บาท บทสมมติฐาน P/E 7.8 เท่า P/BV 0.8 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 7.9%  

10. KBANK ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

kbank

มุมมอง IAA Consensus 

ให้ราคาเป้าหมายหุ้น KBANK ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 111.8 บาท บทสมมติฐาน P/E 8.2 เท่า P/BV 0.7 เท่า และอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 5.3%  

โดยรวมแล้ว พบว่า มูลว่ามูลค่าของหุ้น TOP10 ในตลาดหลักทรัพย์หายไปถึง 9.66 แสนล้านบาท ภายในช่วง 6 เดือนแรกของปี ซึ่งเพียง GULF บริษัทเดียวเท่านั้นที่สามารถเติบโตได้ท่ามกลาง COVID-19

ขณะที่ AOT คือหุ้นที่มูลค่าหายไปมากที่สุด ด้วยผลกระทบจากการ Lockdown จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหายไปเกือบ 100% แต่ถ้ามองในแง่สัดส่วนเปอร์เซ็นจะเป็นสองธนาคารใหญ่อย่าง SCB และ KBANK ที่ลดลงมากที่สุด  

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo