เจาะลึกหุ้น ‘PTTOR’ ก่อนเข้าตลาดปีนี้ ที่ใครๆต่างก็รอคอย!

โดย InveStory 22 มิถุนายน 2563

เจาะลึกหุ้น PTTOR ก่อนเข้าตลาดในปีนี้ กำลังกลายเป็นว่าที่หุ้นไอพีโอร้อนแรงตัวหนึ่ง เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น พร้อมจัดสรรไม่เกิน 300 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของปตท.

เจาะลึกหุ้น PTTOR ก่อนเข้าตลาดในปีนี้ กำลังกลายเป็นว่าที่หุ้นไอพีโอ ที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับหนึ่งของปีนี้ คงหนี้ไม่พ้นการ Spin-off บริษัทย่อยกลุ่มค้าปลีกของปตท. อย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR นั่นเอง

โดยความคืบหน้าล่าสุด บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR ได้มีการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอ และเพิ่มทุนสำหรับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกระบวนการปกติ จะต้องรอให้ทาง ก.ล.ต. เป็นผู้อนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 – 2 เดือน หลังจากนั้น PTTOR จึงจะสามารถเสนอแผนขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทันแผนเดิมที่บริษัทออกมายืนยันว่าจะเกิดขึ้นประมาณช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563

สำหรับรายละเอียดเบื้องต้น หุ้น PTTOR ก่อนเข้าตลาด ครั้งนี้ จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น และจะมีการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ไม่เกิน 300 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ ปตท. (PTT) อีกด้วย ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนจะนำไปขยายธุรกิจในช่วงปี 2564-2567 ประกอบด้วย

การขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ “ptt station” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ
ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์
ลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และศูนย์กระจายสินค้าเพื่อสนับสนุนธุรกิจน้ำมัน
ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก เช่น Amazon Jiffy และ Texas
ลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ
เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืม (ถ้ามี)

อย่างไรก็ดี ก่อนที่หุ้น PTTOR จะเข้าตลาดในช่วงปลายปีนี้ ลองมาเจาะลึกธุรกิจ ทำความรู้จักกับบริษัทนี้ให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่า

เจาะลึกหุ้น PTTOR เจาะโครงสร้างธุรกิจ

PTTOR ถูกวาง Positioning ให้เป็นเรือธงในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของปตท. ซึ่งความน่าสนใจของ PTTOR คือ ความเป็นผู้นำด้านค้าปลีกทั้งส่วนที่เป็น Oil นั่นก็คือปั๊มน้ำมัน PTT Station ที่ครองสัดส่วนการตลาดอันดับหนึ่ง รวมถึงธุรกิจ Non-Oil ที่มีหัวหอกอย่างร้าน Cafe Amazom

ปัจจุบัน PTTOR ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่

1. ธุรกิจน้ำมัน ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ, ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ ทั้งกลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง อุตสาหกรรม ลูกค้าภาคครัวเรือน (PTT LPG) ฯลฯ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto

2. ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ หรือ Non – Oil ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ Café Amazon / Texas Chicken / Hua Seng Hong Dimsum และ Pearly Tea รวมถึงร้านสะดวกซื้อ Jiffy

3. ธุรกิจต่างประเทศ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน PTT Station / Café Amazon / Jiffy และ FIT Auto ในประเทศไทยไปยังประเทศลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา ญี่ปุ่น โอมาน สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน

ขณะที่ผลประกอบการของ PTTOR (อ้างอิงข้อมูลล่าสุดปี 2561) มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,900 ล้านบาท แม้คิดเป็นมาร์จินแล้วจะเพียง 1.58% ซึ่งดูเป็นตัวเลขที่น้อย แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอื่นๆ มาร์จินระดับนี้ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจน้ำมัน

สำหรับกำไรของ PTTOR จำนวนกว่า 7,900 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ดังนี้

– ร้านกาแฟ Cafe Amazon 35%

– ขายน้ำมัน 30%

– ร้านสะดวกซื้อ Jiffy 25%

– พื้นที่เช่า และ FIT Auto 10%

สังเกตุเห็นว่าแม้ยอดขายส่วนใหญ่จะยังมาจากการขายน้ำมัน แต่เมื่อมองในแง่รายได้ ธุรกิจที่สร้างกำไรสูงสุดกลับคือ ร้านกาแฟ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของกำไรทั้งหมด

หุ้น PTTOR น่าสนใจยังไง ขอสรุปความน่าสนใจของ PTTOR สั้นๆ มาไว้เป็นไอเดียลงทุน ก่อนที่หุ้นตัวนี้จะเข้าตลาดกัน

“ปลดล็อกมูลค่ากิจการ”

การเข้าจดทะเบียนครั้งนี้ เหมือนช่วยให้ PTTOR ปลดล็อกมูลค่าเต็มตัว สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการที่อยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง PTT เป็นการรวมหลายๆ ธุรกิจเข้าด้วยกัน ทั้งขุดเจาะน้ำมัน ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า และค้าปลีก ทำให้แต่เดิมนั้น PTTOR ไม่ถูกสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมาชัดเจน แต่การ Spin-off ออกมาครั้งนี้ จะทำให้ตลาดเห้นศักยภาพของสายธุรกิจนี้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“ว่าที่ Blueshipe น้องใหม่”

ตัวเลขรายได้ 5 แสนล้านบาท เป็นจำนวนสูงเพียงพอที่จะทำให้ PTTOR สอดแทรกเข้าไปเป็น 1 ในท็อป 10 บริษัท ที่มีรายได้สูงสุดในตลาดทันที เป็นรองเพียงแค่ PTT, CPF, PTTGC, CPLL และ SCC เท่านั้น และมีโอกาสสูงมากที่จะถูกคำนวณเข้าดัชนี SET50 ทันที

ต้องบอกว่านี้เป็นหุ้นไอพีโอบิ๊กเนม ที่ใครๆต่างก็รอคอย อย่างไรก็ดีระหว่างนี้ก็ลองศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ลึกซึ้งมากขึ้นไปพรางๆ ก่อน หากมีอะไรคืบหน้า เราจะมาสรุปให้เล่าสู่กันฟังอีกรอบแน่นอน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

InveStory