Business

‘กสิกร’ แนะ 3 P ‘เอไอเอส’ ใช้ 3R กลยุทธ์ฝ่า ‘โควิด-19’

กสิกรไทย-เอไอเอส เปิดกลยุทธ์นำพาองค์กรฝ่าวิกฤติโควิด-19 เน้นรักษาสภาพคล่อง กำเงินสดไว้ให้แน่น พร้อมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้

ในงานเสวนาออนไลน์ ที่จัดโดย “CEBIT Asean Thailand xTechTalkThai Webinars” หัวข้อ “ก้าวถัดไปของธุรกิจยุค COVID-19” (Reboot your business post COVID-19) โดยมีผู้บริหารจากธนาคารกสิกรไทย และเอไอเอส มาร่วมแบ่งปันกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติโควิด-19 มีประเด็นน่าสนใจดังนี้

corona 4993519 1280

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แตกต่างจากวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 เนื่องจากวิกฤติครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากและได้รับผลกระทบทั่วโลก กระทบเป็นเวลานาน และเป็นการกระทบในทุกระดับชนชั้น

จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้เศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาได้ค่อนข้างช้า โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบโควิดอย่างหนัก ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นตัวเลขตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ถึง 18% ทำให้คาดว่าจะส่งผลให้ตัวเลขจีดีพีของไทยในปีนี้ ติดลบ 5-8% และใช้เวลาถึง 2 ปีในการฟื้นตัว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือคนตกงานจำนวนมาก ในฐานะธนาคาร ถ้าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธนาคารก็รับผลกระทบด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามธนาคารก็ได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อให้ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน”นายศีลวัต

ศีลวัต สันติวิสัฎฐ์
ศีลวัต สันติวิสัฎฐ์

สิ่งสำคัญของภาคธุรกิจในช่วงวิกฤติคือ สภาพคล่อง ในภาวะที่รายได้น้อยลงหรือไม่มีรายได้ แต่ยังคงมีรายจ่าย จะทำอย่างไรให้ธุรกิจยังอยู่ได้ ไม่ต้องพูดถึงผลกำไร และต้องมีเงินสดในมือ

ทั้งนี้ หลังโควิด-19 ผ่านไป เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาไม่เหมือนเดิม ซึ่งสิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยทำมาในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คือการให้ความสำคัญกับการรับมือ เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น ทำให้เมื่อเกิดโควิด-19 ธนาคารสามารถปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น โดยปัจจุบันมีการทำธุรกรรมออนไลน์สัดส่วน 50-60% แล้ว

นายศีลวัต กล่าวว่า สิ่งที่องค์กรคำนึงถึงจากนี้ ต้องให้ความสำคัญกับ 3P ได้แก่ Profit การเจริญเติบโตองค์กร, People ดูสังคม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนรวมไปไม่ได้เราก็อยู่ไม่ได้ และ Planet ดูแลโลก

covid 19 4992201 1280

นอกจากนี้ กสิกรไทยยังได้เพิ่มเติม  2  M ได้แก่ “Market Change” การเปลี่ยนแปลงของตลาดโดยเฉพาะพฤติกรรมของลูกค้าหลังโควิด-19 และ “Make it happen” คือ ต้องทำทันทีเพราะสถานการณ์เปลี่ยนเร็วมาก เมื่อรวมกับการใช้ 6P ได้แก่ Product, Price, Place, Promotion, People และ Produvtivity ก็จะทำให้การทำงานมีความเหมาะสมมากขึ้น

 

ด้านนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส กล่าวว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเอไอเอส จากกำลังซื้อที่ลดลง แต่ไม่กระทบในแง่ของการให้บริการลูกค้า จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาการบริการในยุคโควิด-19

ทั้งนี้ในช่วงเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 เอไอเอสได้แบ่งทีมผลัดกันเข้าทำงานในออฟฟิศ และกระจายไปตามพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ 9 แห่ง ทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นสูง ส่วนร้านที่เปิดในห้างสรรพสินค้า ก็ต้องปิดตัวตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ทำให้มองว่าในอนาคตจะมีการเปิดร้านนอกห้างสรรพสินค้า มากขึ้น

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล
ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล

สำหรับการดำเนินงานของเอไอเอส ได้คำนึงถึง 3 R ได้แก่ Response ช่วงปิดทันที เราดูแลพนักงาน ทีมงาน สุขภาพทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีความเสี่ยง ที่จะดูแลเน็ตเวิร์ก ไม่ให้รับผลกระทบ, Recovery รายได้ลดลงมากช่วงหนี่งก็ต้องหามาตรการทำอย่างไรให้ธุรกิจเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งมีแผนงานต่าง ๆ และ Reform ในระยะยาว เพื่อให้มีการปรับตัวสูง ยืดหยุ่น รับสภาพการเปลี่ยนแปลงต่อภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น

“เทคโนโลยีมาถูกที่ถูกเวลา อาทิ 5G , Clound , Big Data ซึ่งตอนนี้ การคาดการณ์ที่อุตสาหกรรมการบิน และท่องเที่ยวต้องปรับตัวมาก ส่วนเอไอเอส ต้องปรับตัวเองต้องใช้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี รองรับความไม่แน่นอน หรือวิกฤติในอนาคต” นายยงสิทธิ์ กล่าว

Avatar photo