การระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจมีผลต่อทิศทางการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานในอาเซียน หลังจากวิกฤติโควิดคลี่คลาย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า การระบาดดังกล่าวตอกย้ำถึงความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานที่มีการพึ่งพาแหล่งผลิตสินค้าขั้นกลางที่กระจุกตัว อีกทั้ง การระบาดดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่ภาคธุรกิจกำลังการทบทวนการตัดสินใจย้ายฐานการผลิต ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้าที่ยังคงรอวันประทุ
ในภาพรวมประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่อาจเผชิญกับความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากพึ่งพาการนำเข้าสินค้าขั้นกลางจากแหล่งที่ได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต อาทิ จีน ตลอดจนพึ่งพาเทคโนโลยีจากประเทศต้นน้ำที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งบ่งชี้ถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการชะงักงันของห่วงโซ่การผลิต
ทั้งนี้ แม้ว่าอาเซียนซึ่งเป็นแหล่งการผลิตสินค้าที่สำคัญแหล่งหนึ่งของโลกจะมีศักยภาพในการดึงดูดการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
แต่การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวยังมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาย้ายฐานกลับ (Reshoring) เพื่อลดความเสี่ยงจากการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ปัจจัยด้านต้นทุนการผลิต ตลอดจนการเข้าถึงตลาดปลายทาง ที่ยังคงเป็นน้ำหนักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจปรับเปลี่ยนห่วงโซ่การผลิตออกจากจีน
ดังนั้น หากพิจารณาศักยภาพของการผลิตของประเทศในอาเซียนพบว่าอาเซียนอาสามารถผลิตสินค้าขั้นปลายทดแทนจีนได้หลากหลายประเภท ผ่านการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าขั้นกลางจากจีนหรือประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี
ขณะที่การผลิตสินค้าขั้นกลางที่พึ่งพาสินค้าต้นน้ำจากในภูมิภ.าคอาจทำได้เพียงบางหมวดสินค้า อันบ่งชี้ถึงนัยของการพึ่งพาสินค้าขั้นกลางที่อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญมากนัก
- เยี่ยมยอด! ‘ไทย’ ครองแชมป์ ใส่หน้ากาก-ใช้เจลล้างมือ มากสุดในบรรดา 6 ชาติอาเซียน
- ยอดติดเชื้อโควิดในสิงค์โปร์ทะลุ 3 หมื่นราย ยังสูงสุดในอาเซียน
- อสังหาฯ ‘ลดราคา’ ทั่วอาเซียน โอกาสทองลูกค้ายุคโควิด-19