Business

วิเคราะห์ CPALL หุ้นแกร่งยืนเหนือตลาด

ในจังหวะที่ตลาดหุ้นเจ็บหนักที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี หุ้นเล็ก-ใหญ่จำนวนมากได้รับผลกระทบกันไปตามกัน ไม่ว่าจะในแง่พื้นฐานธุรกิจที่เดินหน้าต่ออย่างยากลำบาก รวมถึงราคาหุ้นเองที่โดนเทขายทิ้งกันระนาว 

แต่เมื่อลองไล่เลียงดูอย่างละเอียดทีละตัว ผมก็ได้บังเอิญพบหุ้นตัวหนึ่งในตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยมากในวิกฤตรอบนี้ นั่นก็คือ CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีธุรกิจหลักอย่างร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven นั่นเองครับ

โดยถ้านับตั้งแต่ต้นปี 2563 ราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 72.25 บาท เทียบกับปัจจุบัน (18 พ.ค.) ราคาหุ้นปรับลดมาเหลือ 69.50 เป็นการลดลง (Year-to-date) เพียง 3.95% เท่านั้น ขณะที่ผลตอบแทน 3 เดือนล่าสุด ก็ติดลบอยู่ที่ 1.77% มิหนำซ้ำในช่วง 1 เดือนล่าสุด หุ้น CPALL กลับสามารถสร้างกำไรให้ผู้ถือหุ้นไปแล้ว 6.51% 

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวถือว่าดีมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม และตลาดโดยรวม เพราะเมื่อลองคำนวณผลตอบแทนย้อนหลังจะพบว่า CPALL สามารถชนะได้ทั้ง SET และหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ดังนี้

ผลตอบแทนย้อนหลัง ระหว่าง CPLL กับ กลุ่มพาณิชย์ (.COMM) และ SET Index

cpall1

ข้อมูลข้างต้น อธิบายว่าหากเรานำผลตอบแทนของหุ้น CPALL มาเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของกลุ่มพาณิชย์ และผลตอบแทนของ SET จะพบว่า CPLL สามารถชนะได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา  1 เดือน 3 เดือน หรือ 12 เดือน 

cpall2

งบไตรมาสแรกยังไม่กระทบมาก  

CPAll รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 145,856 ล้านบาท เติบโต 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากการเปิดสาขาใหม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และ Makro 

ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,645 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.15% เพราะได้รับปัจจัยลบของการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และรุนแรงขึ้นในเดือนมีนาคม ทำให้ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา (Same Store Sale) ลดลง 4% 

ซึ่งจะเห็นว่ากำไรสุทธิที่หายไปนั้น เป็นสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้น เป็นตัวเลขที่น้อยกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายมองว่าการที่ 7-Eleven ต้องปิดเร็วขึ้นจะทำให้ยอดขายหายไปมหาศาล แต่เราพบแล้วว่ายอดขายก็ยังโตได้ อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวที่หายไป มียอดขายต่ำกว่าช่วงเช้าและบ่ายมากอยู่แล้ว อีกทั้งลูกค้าก็มีการปรับพฤติกรรมไปกระจุดตัวซื้อสินค้าก่อนช่วงร้านค้าจะปิดแทน 

โบรกฯ ส่วนใหญ่ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ”

นอกจากจะเป็นหุ้นขวัญใจนักลงทุนแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังยืนยันให้คำแนะนำ “ซื้อ” CPALL เหมือนเดิม แม้กำไรไตรมาสแรกจะลด เพราะมองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เชื่อว่าในระยะยาวบริษัทมีศักยภาพที่จะโตได้อีกมาก จากการขยายรุกตลาดต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีถึง 16 บล. ที่แนะนำซื้อหุ้น CPALL ดังนี้

cpall3

สุดท้ายแล้ว ต้องบอกว่าแม้จะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของ CPALL อย่างไรก็ดี ด้วยประสบการณ์และความแข็งแกร่งของธุรกิจ ทำให้เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว CPALL คงสามารถกลับมาโตแรงได้ไม่ยาก จึงไม่แปลกที่จะมีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไร และยังเป็นหุ้นขวัญใจที่นักวิเคราะห์แนะนำเก็บเข้าพอร์ตอยู่เสมอ 

Avatar photo