Business

เปิดกลยุทธ์ 2 ยักษ์ ‘อีเว้นท์’ ฝ่าโควิดทุบตลาด มุ่ง ‘ออนไลน์-ลุยธุรกิจใหม่’

ธุรกิจอีเว้นท์มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท และเมื่อรวมธุรกิจเกี่ยวเนื่องแล้ว จะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มสูงถึงหลัก 2 แสนล้านบาท เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 หลังจากประเทศไทยประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมอีเว้นท์ ต้องหยุดไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ แม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงไป แต่สำหรับภาคธุรกิจแล้วคงยังไม่รีบจัดอีเว้นท์มากนัก เนื่องจากโควิด-19 ที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนสู่การใช้วิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้เท่าทันกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป จึงคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาอีกพอสมควร กว่าจะฟื้นสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19

จัดงาน

จากภาพที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอีเว้นท์ต้องปรับตัวเพื่อหาทางรอด ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจาก 2 ผู้ประกอบการรายใหญ่ในวงการอีเว้นท์อย่าง “ซีเอ็มโอ กรุ๊ป” และ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” ที่ต่างปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้อยู่รอดได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจด้านอีเว้นท์, เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดอีเว้นท์ มูลค่า 13,000 – 14,000 ล้านบาท ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยในช่วงไตรมาส 1 –  2 ตลาดหายไปถึง50-60% และยังกระทบเป็นลูกโซ่ถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องมูลค่ากว่า 2.3 แสนล้านบาท

เสริมคุณ คุณาวงศ์
เสริมคุณ คุณาวงศ์

จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้ ซีเอ็มโอ ต้องปรับตัว อีกทั้งเห็นว่า จากนี้ พฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนไป ทำให้บริษัทคิดพัฒนาธุรกิจ “PM Live Studio” สตูดิโอสตรีมมิ่งครบวงจร ทั้งระบบภาพแสงเสียง ตลอดจนระบบการถ่ายทอดสดออนไลน์ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการจัดงานอีเว้นท์, งานประชุมออนไลน์, งานสัมมนา และปาร์ตี้คอนเสิร์ต โดยทุกคนสามารถเข้าร่วมงานจากที่บ้านได้ จึงตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

สำหรับธุรกิจดังกล่าว จะรองรับการจัดงานรูปแบบออนไลน์ได้หลายประเภท เช่น งานแสดงคอนเสิร์ต, การแสดงสดของวงดนตรี, งานสัมมนาดีลเลอร์ งานแถลงข่าวออนไลน์ และงานเปิดตัวสินค้า เป็นต้น รวมทั้งมีทีม Varp Event by CM Digital ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องให้บริการ ดิจิทัล โซลูชั่น และ ดาต้า แมเนจเมนท์ นำเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยทำให้การจัดงานผ่านเทคโนโลยีออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Photo 3 1

 

ขณะเดียวกัน ยังมองว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 การจัดงานอีเว้นท์ออนไลน์ ก็จะยังได้รับความนิยมมากขึ้น ในทุกอุตสาหกรรม เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มปรับตัวและใช้ชีวิตแบบมีระยะห่างได้แล้ว โดยนับแต่เดือนมีนาคม บริษัทได้จัดงานประเภทอีเว้นท์ออนไลน์ไปแล้วกว่า 10 งาน และยังอยู่ระหว่างพัฒนางานให้ลูกอีกเป็นจำนวนมาก

ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2563 ที่เริ่มได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวม 164.15 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 37.40 ล้านบาท ทำให้บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้ลดลงอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ในส่วนของอีกหนึ่งยักษ์วงการอีเว้นท์ อย่างบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ก็มีการปรับโมเดลธุรกิจขนานใหญ่เช่นกัน โดย เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจอีเว้นท์ ขณะที่อินเด็กซ์ฯ ต้องหาเงินดูแลพนักงานกว่า 400 คน จึงต้องปรับตัวมองหาธุรกิจใหม่ที่เป็นโอกาสในวิกฤติ และสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้

KK 01
เกรียงไกร กาญจนะโภคิน

ทั้งนี้ จากภาวะวิกฤติโควิด-19 ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสเปิดให้บริการธุรกิจพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อ ภายใต้แบรนด์ “KILL & KLEAN” ขึ้น โดยเริ่มจากการให้บริการหน่วยงานองค์กรรัฐ เอกชน และที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ผลสำเร็จของ KILL & KLEAN เห็นได้จากหลังเปิดบริการไม่ถึงหนึ่งเดือน ล่าสุดมีพาร์ทเนอร์ตอบรับเข้าร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ KILL & KLEAN แล้ว 14 สาขา 12 จังหวัด และ 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมา รวมทั้งมีลูกค้าองค์กรและหน่วยงานต่างๆ เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยให้บริการสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ศูนย์การแพทย์ และอาคารบ้านเรือนที่พักอาศัยไปแล้วกว่า 400,000 ตารางเมตร

Deep Clean

ล่าสุด อินเด็กซ์ยังร่วมกับพันธมิตรได้แก่ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ และบริษัท คีนน์ จำกัด ขยายการให้บริการสู่ Hygienic Solution หรือบริการระบบทำความสะอาด ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการฆ่าเชื้อโรค ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับธุรกิจลูกค้า และพนักงานที่มาให้บริการ ก่อนกลับเข้าทำงานจริง

สำหรับ Hygienic Solution ของอินเด็กซ์ จะให้บริการรวม 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. PRE-Deep Clean Solution การทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคก่อนที่สถานบริการต่างๆจะเปิดให้บริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ 2. RT-PCR การตรวจหาเชื้อโควิด-19  โดยโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ที่จะออกไปให้บริการนอกสถานที่ และ 3. POST-Deep Clean Solution บริการหลังการเปิดให้บริการ ซึ่งจะต้องทำอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าปลอดจากโควิด-19

Picture4

“การผนึกกำลังพันธมิตรครั้งนี้ เพื่อตอบรับ New Normal ที่ผู้คนจะใส่ใจเรื่องสุขอนามัย ความสะอาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสนองตอบความต้องการของภาคธุรกิจที่กำลังจะกลับมารีสตาร์ทครั้งใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่จะมาใช้บริการ

Avatar photo