Business

‘สยามพิวรรธน์’ ชี้ โควิด มาเพื่อ ‘รีเซ็ต’ คาดค้าปลีกวูบ 50% เร่งปั้นรีเทลโมเดลใหม่ รับ New Normal

“ชฎาทิพ จูตระกูล” ซีอีโอ “สยามพิวรรธน์” คาด 18 เดือนธุรกิจค้าปลีกเริ่มฟื้นจากโควิด-19 ขณะที่ปีนี้อ่วมภาพรวมห้าง ศูนย์การค้า มูลค่า 1.75 แสนล้านวูบ 50% ชี้ โควิดมาเพื่อ รีเซ็ตทุกอย่าง เดินหน้าปั้นโมเดลใหม่รีเทล “Ecotopia” รับวิถีใหม่ New Normal

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร วันสยาม ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 ถือเป็นวิกฤติที่หนักที่สุดนับแต่บริษัท สยามพิวรรธน์เปิดดำเนินการมา 62 ปี เนื่องจากเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก

S 6439241

ทั้งนี้คาดการณ์ว่า จากผลกระทบต่างๆ จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกมูลค่า 3.5 ล้านล้านบาทเติบโตลดลง โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้ามูลค่ารวม 1.75 แลนล้านบาท ที่ต้องปิดตัวจากมาตรการล็อกดาวน์ คาดว่าปีนี้จะหดตัวถึง 50% เพราะแม้จะให้กลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งหลังจากปิดไป 2 เดือน แต่ต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัว โดยประเมินว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 เดือน

“เราหวังว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ และเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ภายใต้มาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด” นางชฎาทิพกล่าว

สำหรับการกลับมาเปิดบริการใหม่อีกครั้ง สยามพิวรรธน์จะกลับมาภายใต้วิสัยทัศน์ “New Beginning – New Smile” เพื่อสร้างมิติใหม่ของศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้คน ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคในแบบ New Normal Innovative Lifestyle ด้วยการสร้างระบบนิเวศในธุรกิจค้าปลีก ผ่านการสร้างชุมชนของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ทั้ง ผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านค้าหรือกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ชุมชนสังคมและประเทศ รวมทั้งการเดินหน้าออมนิชาแนล เต็มรูปแบบ

ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้กระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั่วโลกให้ตระหนักถึง ความสำคัญในแนวทางการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Living อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใส่ใจถึงสุขภาพของตนเองและมีจิตสำนึก เรื่องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นเพื่อเศรษฐกิจยั่งยืน โดยการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนวิถีไทย และผู้ประกอบการรายย่อยSME

ในส่วนของสินค้าอุปโภคและบริโภคยุค New Normal จะต้องนำเสนอคุณค่า (Value) ของสินค้าและประสบการณ์ ในด้าน Sustainability เพิ่มขึ้น ดังนั้นสยามพิวรรธน์ ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่วงการศูนย์การค้าทั่วโลกจับตามองในการสร้างต้นแบบใหม่ๆของการค้าปลีก (Creative & Innovative Retail) จึงได้พัฒนาแนวทางการทำธุรกิจรีเทลที่ตอบสนองวิถีการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน( Sustainable Living )ได้แก่

สยามพิวรรธน์สร้าปรากฏการณ์นำโลกธุรกิจรี

  • นำเสนอระบบนิเวศของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem) สร้างประโยชน์และคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่ผู้ผลิตและผู้ซื้อร่วมกัน

วิกฤตการณ์ในครั้งนี้จะเป็นจุดสำคัญที่ก่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง สยามพิวรรธน์ ขอนำรอยยิ้มให้กลับคืนสู่สยามเมืองยิ้ม โดยร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ ด้วยโครงการ “สยามพิวรรธน์ ไทยช่วยไทย” ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจโดยเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อาทิ การจัด “ตลาดฟื้นใจไทย” ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องเปลี่ยนผันอาชีพ นำสินค้าและผลิตภัณฑ์จากชุมชนทั่วประเทศมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าเช่า

พรอมกันนี้ ได้เปิดพื้นที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ และ ทรูไอคอน ฮอลล์ ให้ผู้ประกอบการสินค้าส่งออกที่ประสบปัญหาไม่สามารถส่งสินค้าไปยังต่างประเทศมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า โดยจะทำงานร่วมกับภาครัฐ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรและนวัตกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ การจัดพื้นที่ตลาดนัดช่วยผู้ประกอบการรายย่อย โดย กันตนา กรุ๊ป รวบรวมร้านดังมาออกร้านจำหน่ายสินค้าคุณภาพและอาหารรสเลิศ เป็นต้น

แนวทางการสร้างสังคมค้าปลีกลักษณะไทยช่วยไทยนับเป็นการสร้างความสุขและรอยยิ้ม New Beginning – New Smile ให้ทั้งผู้ประกอบการที่ขาดรายได้ต้องการความช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน ลูกค้าที่ได้จับจ่ายอุดหนุนสินค้าก็ได้รับความสุขและได้รอยยิ้มที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน เป็นพลังผลักดันให้สังคมไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤตและสร้างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ

New Beginning New Smile

  • นำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ โดย Ecotopia ณ สยามดิสคัฟเวอรี่

“Ecotopia” จะเป็นอีโค่คอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าเพื่อวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนอง Sustainable Living ในทุกมิติ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพและรักษาสุขอนามัย สินค้าที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี สินค้าและอาหารออร์แกนิค สินค้าที่กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ สินค้า re-use, recycle เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

พร้อมกันนี้ ยังมีกิจกรรม work shop เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและโลก การเพิ่มขีดความสามารถของคนผ่านนวัตกรรมปรับจิตและร่างกายให้แข็งแรง โดย Ecotopia นี้ สร้างสรรค์จากความรู้ความเชี่ยวชาญของ ผู้นำ Eco communityในสาขาต่างๆ รวม 12 ท่านร่วมกับสยามพิวรรธน์เพื่อให้เป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งความสุขที่เติบโตด้วยความยั่งยืนในโลกที่มีความสมดุลของนวัตกรรมและธรรมชาติ

  • นำเสนอชีวิตวิถีใหม่อย่างมีสไตล์ โดยพลังของการ Co-Creation & Collaboration

สยามพิวรรธน์เชื่อในศักยภาพและคุณค่าของการผสานความร่วมมือกับผู้มีความเชี่ยวชาญในทุกแขนง ดังจะเห็นได้จากการร่วม Co-Creation และ Collaboration ที่ผ่านมา มากมายซึ่งสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมาโดยตลอด สยามพิวรรธน์จึงเพิ่มพลังบวกให้แก่วิถีชีวิตของทุกคน โดยเติมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ช่วยกระตุ้น สร้างสีสัน และมอบความสุขง่ายๆ อย่างมีสไตล์

สยาม

ตัวอย่างเช่น การจัดโซนพิเศษ ใน สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ โดยร่วมกับร้านค้าแบรนด์ดังและเหล่านักออกแบบดีไซเนอร์ไทย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับชีวิต New Normal อย่างมีสไตล์และเติมสีสันให้รูปแบบ Sustainable Living ให้สนุกยิ่งขึ้น ผ่านสินค้าแฟชั่นที่สร้างสรรค์ตามฟังก์ชั่นการใช้งานของชีวิตวิถีใหม่ ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาสุขอนามัยต่างๆ ที่มีดีไซน์ล้ำเทรนด์ รวมถึงอุปกรณ์ Gadget ทันสมัยพร้อมฟังก์ชั่นที่เหมาะกับโลกปัจจุบัน

  • Omni Channel Shopping ประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ที่ผสมผสานทุกช่องทาง

ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคในการช้อปปิ้งออนไลน์มีมากขึ้น ผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย และมีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น วันสยามและไอคอนสยาม มีช่องทางการช้อปปิ้งโดยใช้ดิจิทัล เทคโนโลยีพร้อมตอบสนองความต้องการการช้อปปิ้งในแบบ Omni Channel Shopping ที่การผสานการช้อปปิ้งระหว่าง ออนไลน์ และออฟไลน์ เช่น การนำสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกมาให้บริการผ่าน “Luxury Chat & Shop” นำเสนอลักซ์ชัวรี่แฟล็กชิปสโตร์ถึงหน้าบ้าน เมมื่อลูกค้าต้องการซื้อ โดยมีรถนำสินค้าไปให้เลือกถึงบ้านลูกค้า

การจัดทำ “OneSiam & ICONSIAM Chat & Shop” นำเสนอสินค้าใช้ในชีวิตประจำวัน แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ให้ลูกค้าช้อปปิ้งในทุกที่ทุกเวลาพร้อมกับการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับวันสยามอย่างใกล้ชิด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย รวมทั้งจัดทำแอแพลิเคชั่น “OneSiam” และ Line @OneSiam ตลอดจนบริการ “Call & Pick Up” บริการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกูร์เมต์มาร์เก็ต สยามพารากอน, ซูเปอร์มาร์เก็ต Dear Tummy และ Taka Marche ที่ไอคอนสยาม เป็นต้น

วันสยาม

ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนา “Siam Center Virtual Mall” ยกสยามเซ็นเตอร์สู่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งบนโลกดิจิทัล โดยผนึกกำลังกับ ลาซาด้า เปิดให้ช้อปตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน www.lazada.co.th หรือแอปพลิเคชัน LAZADA

“วิสัยทัศน์ “New Beginning – New Smile” ของสยามพิวรรธน์จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการทำศูนย์การค้าเพื่อโลกในอนาคต ที่สร้างความสุขและนำรอยยิ้มสยามกลับคืนมาสู่คนไทยอีกครั้ง ขณะเดียวกันจะเป็นโมเดลใหม่ของโลกธุรกิจรีเทลเพื่อตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ได้ตรงที่สุดด้วย”

ในส่วนของภาพรวมประเทศไทยนั้น นางชฎาทิพ กล่าวว่า ประเทศไทยต้อง “รีแบรนดิ้ง” ครั้งใหญ่ ด้วยการหาจุดแข็งของชาติออกมาให้ได้ โดยเฉพาพความแตกต่างที่ประเทศอื่นไม่มี ไม่ว่าจะเป็น ประเพณี วัฒนธรรม วิถีไทย บรรทัดฐานที่ดีของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะ “น้ำใจ” ที่ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกอยากมาเยือน  เชื่อว่าเดือนกันยายนภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว และคาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาประมาณ 30-40% ในไตรมาส 4 ปีนี้

Avatar photo