แม้ภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG ) ปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะติดลบ 0.4% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว แต่ไม่ส่งผลต่อตลาดเครื่องสำอางและสินค้าความงาม จากข้อมูล กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) รายงานว่า ปี 2560 ตลาดเครื่องสำอางและสินค้าความงามมีมูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.8%
ตลาดนี้แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 40% เติบโต 4.5% , ผลิตภัณฑ์ดูแลผม 33% เติบโต 0.8% ,ผลิตภัณฑ์เมคอัพ 16% เติบโต 8.7%, ผลิตภัณฑ์ บอดี้แคร์ 11% เติบโต 3.5%
ว่ากันว่าตลาดเครื่องสำอางไทยไม่เคยเติบโต “ติดลบ” มีแต่โตมากหรือโตน้อยเท่านั้น จากพฤติกรรมผู้หญิงไทยไม่เคยหยุดสวย! ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม!
สยามพิวรรธน์ร่วมทุน istyle ญี่ปุ่น
จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางและสินค้าความงามในไทย กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ได้ร่วมทุนกับบริษัท istyle Inc. (ไอสไตล์ อิงก์) บริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดย istyle Inc.เป็นเจ้าของเว็บไซต์ @cosme สื่อออนไลน์ ที่ให้บริการรีวิวและจัดอันดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านสเปเชียลตี้สโตร์เครื่องสำอางที่ชื่อว่า ‘@cosme store’
การร่วมทุนของ สยามพิวรรธน์ และ ไอสไตล์ อิงก์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยไอสไตล์ของญี่ปุ่นถือหุ้น 70% และสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30%
มร.ฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโส กิจการบริการด้านความงาม ไอสไตล์ อิงก์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าภายใต้การร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ เตรียมเปิด @cosme store สาขาแรกที่ไอคอนสยามใช้เงินลงทุน 20 ล้านบาท ภายใน 3 ปี วางแผนเปิด 5 สาขา โดยปีแรกวางเป้าหมายรายได้ 300 ล้านบาท หลังจากเปิด ‘@cosme store’ ช็อปแรกที่ไอคอนสยาม ปี 2562 จะเปิดตัวธุรกิจมีเดียรีวิวเครื่องสำอาง เว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่น เป็นภาษาไทย เพื่อขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย
การเข้ามาลงทุนเปิด “ช็อป” ในไทยเป็นประเทศแรกในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากเปิดธุรกิจ @cosme store นอกประเทศญี่ปุ่น ที่ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลี
ขณะที่ธุรกิจมีเดีย @cosme แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลและรีวิวเครื่องสำอางและความงามจากทั่วโลกและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันให้บริการในญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย จีน และสหรัฐ
หลังจากนี้ไอสไตล์มีแผนขยายธุรกิจในอาเซียน แต่จะให้ความสำคัญกับไทยเป็นอันดับแรก เนื่องจากตลาดเครื่องสำอางและความงามเติบโตสูงสุดในอาเซียน ดูได้จากจำนวนเครื่องสำอางที่มีหลากหลายประเภทจากการใช้งานของผู้บริโภค
“การตัดสินใจเลือกลงทุนในต่างประเทศ จะมองกำลังซื้อรายเมือง เห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ประชากรมีรายได้สูงเท่ากับสิงคโปร์ แต่การจับจ่ายซื้อเครื่องสำอางสูงกว่า 1.5 เท่า”
ร้านเครื่องสำอางวางสินค้าตามอันดับรีวิว
มร.เอนโดะ กล่าวว่าธุรกิจของ @cosme มาจากการนำฐานข้อมูลด้านความงามที่ทรงอิทธิพลและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งรวบรวมข้อคิดเห็นของผู้บริโภคญี่ปุ่นจำนวนมาก มาสร้างธุรกิจใหม่ โดยใช้มุมมองจากผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ที่ประกอบด้วย รีเทล สโตร์ @cosme store ,อีคอมเมิร์ซ @cosme shopping และธุรกิจมีเดีย เว็บไซต์ @cosme
สำหรับ @cosme store คือร้านจำหน่ายเครื่องสำอางยอดนิยมหลากหลายแบรนด์ของประเทศญี่ปุ่น ชูจุดขายสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งเครื่องสำอาง ด้วยบริการจัดอันดับเครื่องสำอางจากฐานข้อมูลรีวิวของเว็บไซต์ @cosme โดยผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดในร้าน @cosme store จะมีสินค้าตัวอย่างไว้ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ พร้อมคำแนะนำจากที่ปรึกษาความงาม เพื่อหาเครื่องสำอางที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ซึ่งเรียกว่า Discover, Experience, Your @cosme
ปัจจุบันเว็บไซต์ @cosme มีรีวิวจากผู้บริโภคมากกว่า 14 ล้านรีวิว ครอบคลุมเครื่องสำอางกว่า 3 แสนรายการ จาก 3.2 หมื่นแบรนด์ เป็นแหล่งข้อมูลที่มีความหลากหลายและเชื่อถือได้สำหรับผู้บริโภคทุกคน และได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาจากผู้บริโภคมาต่อยอดสร้างเป็นพื้นที่ขายสินค้า
เครื่องสำอางที่คัดเลือกมาจากการจัดอันดับรีวิว จะมีทั้งโกลบอลแบรนด์, แบรนด์จากต่างประเทศ และโลคอล แบรนด์ มีทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ ทำให้ทั้งในร้านค้าและเว็บไซต์ มีสินค้าจำหน่ายทุกระดับราคาตามที่ลูกค้าต้องการ
มอนิเตอร์รีวิว 24 ชั่วโมง
เทคโนโลยีของแพลตฟอร์ม @cosme ได้วางระบบโครงสร้างการจัดการอันดับรีวิวอย่างเป็นกลาง เพื่อจัดอันดับรีวิว ที่สะท้อนเสียงตอบรับของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ โดยจะมีผู้สอดส่องดูแลข้อคิดเห็นทุกข้อ ตลอด 24 ชั่วโมง และมีระบบรายงานปัญหาจากสมาชิก และรีวิวแอบแฝงโฆษณา รวมทั้งมีมาตรการปราบปรามผู้ประกอบกิจการ และการให้บริการที่ทุจริต
“@cosme ก่อตั้งในปี 1999 ปัจจุบันผู้หญิงญี่ปุ่น 3 ใน 4 หรือ 75% ที่มีอายุระหว่าง 20-39 ปี ใช้บริการ @cosme ทุกเดือน”
ร้านแฟลกชิพสโตร์ของ @cosme ในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ กรุงโตเกียว มียอดขายมากกว่า 40 ล้านบาทต่อเดือน ในปี 2560 ซึ่งถือเป็นร้านสเปเชียลตี้สโตร์เครื่องสำอางที่มียอดขายสูงที่สุดในญี่ปุ่น
สำหรับร้าน @cosme store ทั่วไปจะมีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรวมทุกร้านในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านคนต่อเดือน ในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประมาณ 7,000 รายการ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายใน @cosme store มีราคาตั้งแต่ 200 บาทถึงประมาณ 4,000 บาท ผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเบสเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มียอดขายสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
ชูแพลตฟอร์ม“บิวตี้+ไอที”ขึ้นเบอร์หนึ่ง
มร.เอนโดะ กล่าวว่าปัจจุบันมีร้าน @cosme store 25 สาขาในญี่ปุ่น เป็นร้านจำหน่ายเครื่องสำอางที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยปี 2560 ได้ขยายคอนเซปต์ร้านค้าออกไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเปิดสาขาแรกในต่างประเทศ ที่เมืองไทเป ไต้หวัน ปัจจุบันมี 4 สาขา และฮ่องกง 1 สาขา ล่าสุดเปิดสาขาที่ไอคอนสยาม ประเทศไทย ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561
“ตลาดเครื่องสำอางและความงามในไทย มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการซื้อเครื่องสำอางญี่ปุ่นยังมีสูง แต่ส่วนแบ่งการตลาดยังน้อย จึงถือเป็นโอกาสเติบโตอีกมากในไทย”
ทั้งนี้ เป้าหมายระยะกลางและยาวของไอสไตล์ คือการใช้แพลตฟอร์มบิวตี้และไอที เพื่อก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในธุรกิจเครื่องสำอางผ่านช่องทางรีเทลช็อปและอีคอมเมิร์ซ ด้วยการผลักดันให้ @cosme ก้าวเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก ที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสำอางและความงามจากทั่วโลก
ผลประกอบการไอสไตล์ เติบโตต่อเนื่อง ปี 2560 มีรายได้ 1.88 หมื่นล้านเยน ปี2561 คาดการณ์รายได้ 2.84 หมื่นล้านเยน และปี 2563 คาดการณ์รายได้ 5 หมื่นล้านเยน ปัจจุบันรายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วน 20% ภายใน 3 ปี วางเป้าหมายเพิ่มขึ้น 25-30%
เสริมทัพพันธมิตรค้าปลีกใหม่
นางอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่าการผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ไอสไตล์ อิงก์ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสยามพิวรรธน์ ในฐานะที่เป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยในธุรกิจค้าปลีก และเป็นเจ้าแรกในการบุกเบิกนำเสนอคอนเซปต์ค้าปลีกใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอ
คอนเซปต์ค้าปลีกของ @cosme เป็นการเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์และส่งต่อสู่การขายสินค้าไปยังหน้าร้าน (ออฟไลน์) ถือเป็นรูปแบบการค้าขายที่จะมาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับคนไทย อีกทั้งความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ จากประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อน ได้เข้าสู่ตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค
สำหรับ@cosme store สาขาแรกเปิดที่ไอคอนสยาม สาขา2 ที่ สยามเซ็นเตอร์ ส่วนอีก 3 สาขาที่จะเปิดตามแผน 5 ปี จะอยู่นอกพื้นที่ค้าปลีกของสยามพิวรรรธน์
ธุรกิจ @cosme จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วยร้านค้า อาทิ the Loft, ALAND ร้านไลฟ์สไตล์สัญชาติเกาหลี, ODS ร้านขายของตกแต่งบ้านแบบมัลติแบรนด์ และ CAZH ร้านค้าเครื่องแต่งกายสไตล์ลำลองแบบมัลติแบรนด์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ร้าน @cosme store ซึ่งจะเป็นแฟลกชิพสโตร์ในประเทศไทยตั้งอยู่ที่ไอคอนสยามนั้น จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 300 ตารางเมตร