สมาคมฯย่านราชประสงค์ ขานรับมาตรการการเตรียมความพร้อมเปิดธุรกิจใหม่ ดันนโยบาย “ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้โควิด-19” ออกแผนแม่บท 6 ข้อ 47มาตรการดูแลทั้งย่าน ปล่อยกิจกรรมแรก Big Cleaning Day
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และการหยุดชะงักด้านการท่องเที่ยวของย่านราชประสงค์ทันที เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว แหล่งที่พัก/โรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์การค้าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักและคุ้นเคย
ดังนั้น ในช่วง Restart phase ก่อนกลับมาดำเนินกิจการ ทางสมาคมฯ จึงได้วางแผนแม่บท 6 ข้อ 47 มาตรการ ภายใต้นโยบาย “ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้โควิด-19” โดยจะทดลองใช้ภายในย่านราชประสงค์อย่างเข้มข้น เพื่อศึกษาวิธีการจัดสรรพื้นที่เปิด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสะอาดปลอดภัย โดยสามารถติดตามตัวผู้มีความเสี่ยง หรือผู้ติดเชื้อย้อนหลังได้โดยใช้ระบบกล้อง CCTV มีการแทรกกิ้งข้อมูลสุขภาพ และการเดินทางของพนักงานย้อนหลัง 14 วัน
ทั้งนี้หากย่านราชประสงค์ทำได้สำเร็จ ก็จะสามารถนำไปเป็นต้นแบบให้แก่ภาครัฐและเอกชนในการนำมาตรการไปใช้จัดการพื้นที่สาธารณะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศ และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ภายหลังจากที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ควบคุมได้
สำหรับแผนแม่บท 47มาตรการ สู่การทำให้ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้โควิด-19 ได้วางโครงสร้างมาตรการการดูแลพื้นที่ออกเป็น 3 โซนคือ โซนที่ 1: มาตรการพื้นที่สาธารณะของย่านราชประสงค์ โซนที่ 2 : มาตรการของศูนย์การค้า และ มาตรการของอาคารสำนักงาน และ โซนที่ 3: มาตรการศูนย์อาหาร
ทางสมาคมฯ ได้นำ 5 แกนหลักมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุก โดยนำข้อหารือและศึกษางานร่วมกันในมาตรการเบื้องต้นระหว่างสมาชิกสมาคมฯ มาร่างแม่บทและปรับใช้ในย่านราชประสงค์ ได้แก่
1.การคัดกรองอย่างเข้มงวด(Extra Screening) ได้แก่ การตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิลูกค้าและพนักงาน 100% บริเวณทางเข้าหลักของทุกอาคาร, ลูกค้าและพนักงานต้องสวมหน้ากากอนามัย100% ตลอดเวลา และจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ทั่วทุกศูนย์ ทุกร้านค้าและลิฟท์ทุกตัว
2.มาตรฐานเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้แก่ เกษรวิลเลจ มีการจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้า ไม่เกิน 1 คน ต่อ 16 ตร.ม.,และในทุกศูนย์การค้าจะมีการทำสัญลักษณ์หรือตีเส้นตาราง กำหนดระยะห่าง 1-2 เมตรทุกจุด ในลิฟท์ ห้องน้ำ พื้นที่ส่วนกลาง ร้านค้า และร้านอาหาร,จัดพื้นที่นั่งรอสำหรับร้านค้า และ เดลิเวอรี่ แมน โดยให้มีระยะห่างทางสังคม
3.การติดตามเพื่อความปลอดภัย(Safety Tracking) มีการ Tracking ข้อมูลสุขภาพและการเดินทางของพนักงาน ย้อนหลัง 14 วัน
4.การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Extra Cleaning)ทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่ส่วนกลางทุกสัปดาห์, ล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน, ทำความสะอาดภายในห้องน้ำ ลิฟท์ จุดสัมผัสต่างๆ ทุก 30 นาที และทำความสะอาดฆ่าเชื้อบัตรจอดรถ บัตรศูนย์อาหารทุกศูนย์การค้า ก่อนและหลังการใช้งาน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการติดตั้งเครื่อง UV-C ฆ่าเชื้อที่ถุงสินค้า หรือบริการสเปรย์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ถุงสินค้า
5.แนวทางลดการสัมผัส (Touchless Experience) มีจัดพนักงานเปิด-ปิดประตู และกดลิฟท์เพื่อลดการสัมผัส,ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการส่งเสริมการใช้ Cashless และE-Payment,เกษรวิลเลจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และศูนย์การค้าเดอะมาร์เก็ต แบงคอก มีบริการพรมเช็ดเท้าฆ่าเชื้อที่ประตูทางเข้าซึ่งทั้ง 5แกนหลักนี้มีความครอบคลุมชัดเจนในการเป็น New Normal ของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปนับจากนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28เมษายน 2563 สมาคมฯ ได้เริ่ม Kick Off กิจกรรม Big Cleaning Day ซึ่งถือเป็นกิจกรรมแรกของมาตรการพื้นที่สาธารณะของย่านราชประสงค์ โดยจับมือร่วมกับสำนักงานพื้นที่เขตปทุมวัน และพลเมืองจิตอาสา รวมกว่า 150คน ร่วมทำความสะอาดแบบปูพรมครั้งใหญ่ ณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ บริเวณถนนราชดำริ
“สมาคมฯ เชื่อมั่นว่า หากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในระยะเวลาอันใกล้ มาตรการผ่อนปรนและการกลับมาเปิดกิจการของผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารก็จะทยอยกลับมา ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนมีหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการการรักษาความสะอาดปลอดภัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างแข็งขัน”นายชาย กล่าว
ในส่วนของภาคโรงแรมที่พักและการท่องเที่ยว ก็คาดว่าจะมีข้อกำหนด หรือการให้Certify โรงแรมที่ผ่านเกณฑ์สะอาดปลอดภัย ออกมาเสริมทัพจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ ททท. กรมอนามัย ฯลฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งทางสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์มีความพร้อมจะนำไปปรับใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตและท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวโลก ให้พร้อมกลับมาเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
