คำว่า ‘New Normal’ เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในทุกมิติ และเชื่อว่าหลายคนอยากรู้ที่มาที่ไปของคำนี้ รวมทั้งบทบาทและการเตรียมพร้อมรับมือกับ New Normal ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น
ต้นกำเนิดของคำว่า ‘New Normal’ หรือ ความปกติในรูปแบบใหม่ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2551 โดย Bill Gross นักลงทุนในตราสารหนี้ชื่อดัง (bond guru) ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Pacific Investment Management (PIMCO) ซึ่งเป็นการให้นิยามถึงสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงจากในอดีตและเข้าสู่อัตราการเติบโตเฉลี่ยระดับใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม ควบคู่ไปกับอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเกิดวิกฤติทางการเงินในสหรัฐฯ
การที่ Bill Gross ใช้คำว่า New Normal เปฺ็นเพราะ จากเดิมวิกฤติเศรษฐกิจมักมีรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจน คือ เมื่อเศรษฐกิจเติบโตไปได้ระยะหนึ่ง จะมีปัจจัยทำให้เกิดฟองสบู่ และเกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมา หรือฟองสบู่แตก จากนั้นเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ กลายเป็นวงจรเศรษฐกิจปกติ แต่สำหรับวิกฤติทางการเงินของสหรัฐ ที่เรียกว่า วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ครั้งนั้น เศรษฐกิจโลกกลับไม่เติบโตได้ดีเหมือนเดิม จึงกลายเป็น New Normal หรือ ความปกติรูปแบบใหม่นั่นเอง
หนึ่งในตัวอย่างของการเข้าสู่สภาวะ New Normal คือ นโยบายการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจของจีน โดย นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เคยอธิบายถึง การลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงเหลือเพียง 7% จากเดิมที่เคยเติบโตได้เฉลี่ยราว 10% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ว่า มิใช่เป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่เป็น สภาวะ New Normal ของเศรษฐกิจจีนในช่วง 10 ปีต่อไปจากนี้ โดยมุ่งเป้าที่จะ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น และไม่เน้นอัตราการเติบโตที่หวือหวา อย่างในอดีต
ดังนั้น คำว่า New Normal จึงมักถูกนำมาใช้กับ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลง และคาดว่าจะไม่กลับมาเติบโตได้ในระดับเดิมอีกต่อไป
สำหรับในโลกที่เกิด การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีการนำคำว่า New Normal มาใช้อีกครั้ง แต่ขยายวงกว้างไปมากกว่าเศรษฐกิจโลก โดยพบว่า มีการนำไปใช้ในหลายเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ การตลาด การใช้ชีวิต ไปจนถึงภาคสังคม โดยรวมหมายถึง การใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และจะกลายเป็นเรื่องปกติไปนับจากนี้
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นสำหรับ New Normal ใน ยุควิกฤติไวรัสโควิด-19 เช่น การทำงานจากที่บ้าน ที่จะกลายเป็นเรื่องปกตินับจากนี้ และอาจ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า แต่จะ ส่งผลดีกับโคเวิร์กกิ้งสเปซ, ร้านกาแฟ, ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ไอที เป็นต้น
การลดสัมผัสระหว่างบุคคล และ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ที่ทำให้เกิด New Normal ในการใช้ชีวิตของผู้คน เช่น ลดการเดินห้าง หันมาซื้อสินค้าออนไลน์ ที่ทำให้ ค้าปลีกรูปแบบเดิมที่มีหน้าร้าน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าต้องปรับตัว ปรับขนาดให้เล็กลง เพื่อให้ไซส์เหมาะกับจำนวนลูกค้าที่ลดลง และหันไปขยายบริการขายสินค้าผ่านออนไลน์พร้อมบริการที่ครบวงจรมากขึ้น
การให้ความสำคัญกับ การดูแลสุขภาพ มากขึ้น เป็น New Normal ที่ทำให้เป็นโอกาสของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ สุขภาพ และการปรับตัว หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ มาตรการเว้นระยะห่าง จะ ดิสรัปชั่นธุรกิจฟิตเนส ให้ปรับตัวหันมาเปิด บริการเทรนนิ่งส่วนบุคคลทางออนไลน์ มากขึ้น เป็นต้น
จากตัวอย่างดังกล่าว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ความปกติรูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน ธุรกิจ และสังคมอย่างยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งย่อมเป็นได้ทั้ง วิกฤติและโอกาสสำหรับธุรกิจและผู้ประกอบการ เช่นกัน
- จับตา ‘New Normal’ หลังปลดล็อกดาวน์ ธุรกิจต้องรู้เท่าทัน
- เอไอเอสเปิดศูนย์ ‘CSOC’ รับกระแส ‘New Normal-ทำงานจากบ้าน’
- เมื่อ ‘โควิด’ จบ! อุตสาหกรรมด้านสุขภาพต้องปรับตัวรับ ‘New Normal’
