Business

โควิด-19 ทุบยอดขาย ‘ลอรีอัล’ วูบ 4.8% ตลาดเครื่องสำอางหดตัว 8%

ลอรีอัล กรุ๊ป พิษโควิด-19 ซัดยอดขายไตรมาสแรกลดลง 4.8% ขณะที่ธุรกิจในจีนเริ่มฟื้นตัว ฝั่งอีคอมเมิร์ซขยายตัว 52% แผนกเวชสำอางยังโตได้

นายฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 ของบริษัท มียอดขายลดลง 4.8% ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางปรับตัวลงไปแล้วประมาณ 8% ถือว่าลอรีอัลยังสามารถทำธุรกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก

Jean Paul Agon CEO LOreal
ฌอง-ปอล แอกง

ทั้งนี้ ผลประกอบการแต่ละแผนกธุรกิจมีความผันผวนต่างกัน โดยแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง และแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ  ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากการปิดห้างสรรพสินค้า ร้านขายน้ำหอม และร้านทำผม ในหลายประเทศ

ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ยอดขายกระทบน้อยกว่า เพราะกิจกรรมในตลาดค้าปลีกสำหรับลูกค้ากลุ่มแมสยังคงมีอยู่ ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงยอดขายเติบโตขึ้นในอัตราเลขสองหลัก เพราะช่องทางจำหน่ายในร้านขายเวชภัณฑ์ยังคงเปิดให้บริการอยู่

ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวที่สำคัญสำหรับ ลอรีอัล กรุ๊ป  สามารถเติบโตในอัตรา  52.6% และทำยอดขายคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ วิกฤติที่เกิดขึ้น ยังช่วยให้การจขับเคลื่อนกระบวนการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งลอรีอัลมีจุดแข็งในด้านอี-คอมเมิร์ซ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องสื่อดิจิทัล คอนเทนต์ และบริการต่าง ๆ ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์แก่ผู้บริโภค

Products

ในส่วนของตลาดภูมิภาคต่าง ๆ นั้น ล้วนได้รับผลกระทบจากการปิดร้านค้า และการใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยเริ่มต้นที่จีนเป็นประเทศแรกตั้งแต่เดือนม.ค. และหลังจากนั้นก็มีการใช้มาตรการนี้ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. และในอเมริกาเหนือตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2563

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดในจีนได้แสดงให้เห็นว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและความงามของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ ดังนั้น ตลาดจึงน่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในทันทีที่มีการยกเลิกมาตรการปิดร้านค้า

จากผลประกอบการที่ลดลง ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ด้วยการออกมาตรการที่เข้มงวดในส่วนการดำเนินงาน โดยงดการเพิ่มจำนวนพนักงานทั่วโลก ระงับการเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจและการลงทุนอย่างรอบคอบ

ทั้งนี้ จากงบดุลที่แข็งแกร่ง และพนักงานทั่วโลกมีความสามารถและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวเพื่อตอบรับกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในแต่ละประเทศ จึงมั่นใจในความสามารถที่จะฝ่าฟันช่วงเวลาวิกฤตครั้งนี้ในสภาพการณ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ และสามารถเร่งการเติบโตเมื่อสถานการณ์ในแต่ละภูมิภาคเอื้ออำนวย

 

สำหรับยอดขายตามภูมิภาค พบว่า ยอดขายในยุโรปตะวันตก ลดลง 7.7%, ยอดขายในอเมริกาเหนือ ลดลง 4.8% ขณะที่ในตลาดใหม่อย่างละตินอเมริกา เพิ่มขึ้น 0.8%, ยอดขายในยุโรปตะวันออก ลดลง 1.4%, ยอดขายในแอฟริกาและ ตะวันออกกลาง ลดลง 5.6% และยอดขายในเอเชียแปซิฟิก ลดลง 3.7%

Digital

เมื่อแบ่งยอดขายตามแผนก พบว่า แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ยอดขายลดลง 10.5% โดยเฉพาะการขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ หยุดชะงักทันทีในเดือนมีนาคม เมื่อมีการทยอยปิดร้านทำผมในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งลอรีอัลได้ช่วยเหลือพาร์ทเนอร์กลุ่มช่างผมด้วยการพักการชำระหนี้ให้กับร้านทำผมอิสระขนาดเล็กก่อนจนกว่าร้านทำผมเหล่านี้จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง และเปิดแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ผ่านออนไลน์ให้ช่างทำผม

จากวิกฤตครั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มเมคอัพ ซึ่งส่งผลให้ยอดขาย เมย์เบลลีน นิวยอร์ก และ นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ และสินค้าในกลุ่มดูแลผิวหน้าชะลอตัวชะลอตัวลงชั่วคราวอย่างเห็นได้ชัด แต่สินค้ากลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า สุขอนามัย ดูแลเส้นผม และทำสีผมด้วยตนเอง กลับขยายตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะยอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซ

พร้อมกันนี้ ยังได้วางกลยุทธ์ 3 เรืื่องเพื่อฟื้นธุรกิจแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสในช่องทางอี-คอมเมิร์ซจากความเชี่ยวชาญพิเศษของลอรีอัลในจีน และแผนเร่งการดำเนินการในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 2. การประยุกต์แผนการสื่อสารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง ด้วยการใช้ความจุดแข็งด้านดิจิทัลและความแข็งแกร่งของแบรนด์ บนโซเชียลมีเดีย และ 3. เพิ่มความเข้มข้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และบริหารทีมทั่วโลก

E com

สำหรับมาตรการของลอรีอัล กรุ๊ป ในสถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ ภารกิจที่สำคัญที่สุด คือการ ปกป้องสุขภาพของพนักงานทั่วโลก พร้อมกับให้ความช่วยเหลือในภาคส่วนที่ต้องการ โดยในส่วนของโรงงานทั่วโลก เน้นมาตรการความปลอดภัย โดยมีโรงงาน 28 แห่ง ในยุโรป สหรัฐ ละตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ที่ทำการผลิตเจลแอลกอฮอล์ให้ได้  2,400 ตัน หรือ 14 ล้านยูนิต ภายในปลายเดือนพ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีการบริจาคครีมบำรุงมือให้บุคลากรทางการแพทย์ และเริ่มโครงการด้านสุขภาพอื่นๆ ในอีกหลายประเทศ

ในส่วนมาตรการด้านเงินเดือนนั้น ลอรีอัลคงการจ้างพนักงานและคงเงินเดือนสำหรับพนักงานลอรีอัลทั่วโลก ขณะที่มาตรการด้านเศรษฐกิจ และการให้ความช่วยเหลือ ลอรีอัล เลือกให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพที่เป็นร้านซาลอนรายย่อย ให้สามารถเลื่อนการชำระหนี้ได้ จากภาวะการขาดแคลนกระแสเงินสดที่ลูกค้าอาจกำลังเผชิญอยู่ จนกว่าธุรกิจของร้านซาลอนจะฟื้นคืนกลับมา

Avatar photo