Business

‘ศุภชัย’ โชว์กึ๋น ชง 6 ยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้า สู้ ‘โควิด-19’

“ศุภชัย เจียรวนนท์” เสนอสภาพัฒน์ องค์กรเอกชน วาง 6 ยุทธศาสตร์ เน้นควบคุม ป้องกัน รักษา สร้างความต่อเนื่องธุรกิจ และการพัฒนาคนพร้อมกับสร้างความมั่นใจตลาดทุนเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจใหม่ ให้โลดแล่นหลังวิกฤตโควิด-19

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย หนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมประชุมหารือกับ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกลุ่มตัวแทนองค์กรเอกชนของประเทศ สภาดิจิทัลฯ ได้เสนอ 6 ยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล หรือ ดิจิทัล โซลูชั่น ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจใหม่ (New Economy)

ศุภชัย
ศุภชัย เจียรวนนท์

สำหรับตัวแทนองค์กรเอกชนที่เข้าร่วมประชุมเพื่อจัดระดมสมองผนึกกำลังรัฐและเอกชนตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ

นายศุภชัยกล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจ ส่งผลกระทบให้มูลค่าภาคธุรกิจในทั่วโลกลดลงอย่างมาก โดยเฉลี่ยที่ 20-30% ทำให้ต้องมีมาตรการที่ “พิเศษ” และ “รวดเร็ว” ตามความหนักเบาของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนต่อไปได้ทั้งในยามนี้และหลังวิกฤตโควิด-19

ในส่วนของสภาดิจิทัลฯ ได้เสนอ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย

ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ควบคุม ป้องกัน และรักษา ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัลขนาดใหญ่ของประชากรทุกคน และทุกนิติบุคคลในประเทศให้สำเร็จ รวมถึงการใช้ เอไอ เพื่อวิเคราะห์การกระจายตัวของประชากรและผู้ติดเชื้อ ตลอดไปจนถึงการจัดทำระบบแสดงผลตามพื้นที่ Heatmap รวมไปถึงแพลตฟอร์ม ดิจิทัล โซลูชั่น เพื่อเป็นศูนย์กลางการบริจาคสนับสนุนทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งรวบรวมสิ่งที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ต้องการความช่วยเหลือไว้ในที่เดียว

ไวรัส 8463

ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ความต่อเนื่องของธุรกิจ ได้แก่ การแก้กฎหมายเพื่อรองรับ การจัด E-GOV , Digital ID , Online KYC , E-Signature , Smart Contract ให้ทดแทนกระดาษได้ เพราะปัจจุบันกฎระเบียบและกฎหมายหลายเรื่องยังไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ ในจังหวะที่เกิดวิกฤตนี้ควรใช้เป็นโอกาสทำให้เกิดขึ้น รวมไปถึงระบบสื่อสารและโซลูชั่น ที่รองรับการทำงานที่บ้าน (WORK AT HOME) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับ New Normal ของการทำธุรกิจและการกลับมาเปิดตัวใหม่

ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การจ้างงานและพัฒนาคน ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรการสนับสนุนผู้จบการศึกษาใหม่ปีละกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดว่า 80-90 % อาจจะไม่มีงานทำ ทางออกคือการสร้างคนเก่งด้านไอซีที หรือ นำกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถด้านไอซีที ไปช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ได้ รวมไปถึงการให้ทุนแก่มหาวิทยาลัย และอาชีวะทั่วประเทศ ในการสร้างทักษะใหม่ด้านดิจิทัล ด้านข้อมูล(Data) และด้านออโตเมชั่น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด-19 ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 เร็วขึ้น

ในส่วนของคนว่างงาน เสนอรัฐให้เงินเลี้ยงชีพในช่วงว่างงาน และให้เงินสนับสนุนเพื่อการเรียนรู้งานแห่งอนาคต รวมไปถึงการจัดทำแพลตฟอร์มในการหางาน และบริษัทที่ต้องการจ้างงานที่ใช้ทักษะใหม่ ด้านการจ้างงาน พร้อมเสนอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เพื่อรักษาสถานภาพพนักงาน พร้อมกับการ Re-Skill พนักงาน ไม่ปลดออก และสร้างทักษะใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

การประชุมภาคเอกชน

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ความมั่นใจในตลาดทุน คือการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดการค้า และการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ประกอบการ Startup ด้าน Digital ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านดิจิทัล มีการจัดตั้งและ reactivate กองทุนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ที่ขาดช่วง การขาดกระแสเงินสด การลดต้นทุน และการรักษาพนักงาน เนื่องจากในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันการระดมทุนเต็มไปด้วยความยากลำบาก

ยุทธศาสตร์ที่ 5 : เศรษฐกิจใหม่ หรือ Economic Reform เตรียมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต ได้แก่ สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง และ อีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงการวางแผนพื้นที่การเพาะปลูก การพัฒนาระบบชลประทาน การป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมี สมาร์ท ซิตี้ การออกแบบเมืองที่มีความปลอดภัยปลอดเชื้อ การป้องกันด้านสาธารณสุข การท่องเที่ยวแนวใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล

ยุทธศาสตร์ที่ 6 : โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤต (Intelligence Center / Unlock Regulation) ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้วิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย

kave 638242 1280

1.การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้สภาฯ ต่าง ๆ เป็นตัวแทนภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19

2.การแก้ไขกฎระเบียบด้านดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การผลักดัน Digital ID ที่เกี่ยวข้องกับ E-signature, E-Voting, Smart Contract และ Digital KYC รวมถึงการทำให้ E-Document สามารถทดแทนกระดาษได้

3.พิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นการบังคับใช้พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจสร้างภาระแก่เอกชนบางส่วนที่ยังไม่พร้อม นอกจากนี้เสนอให้ใช้สภาดิจิทัลฯเป็น Certification Training Center สำหรับ Data Protection Officer เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Avatar photo