โควิด-19 ตัวเร่งความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารทั่วโลกพุ่ง “เอกา โกลบอล” เดินหน้าเต็มกำลังการผลิต 2,700 ล้านชิ้นต่อปี ดันยอดขายโตเท่าตัว
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุอาหาร นับเป็นสิ่งจำเป็นและมีบทบาทสำคัญในการช่วยเยียวยาและบรรเทาความตึงเครียดของผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการจัดเก็บอาหารให้ยาวนานขึ้นในช่วงเก็บตัวอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดความถี่ในการออกจากที่พักไปยังสถานที่เสี่ยงติดเชื้อได้เป็นอย่างดี มีผลทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารทั่วโลกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยยอดขายของบริษัทฯ ได้เติบโตขึ้นมากกว่าเท่าตัวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดเจนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยหันมาใส่ใจและเน้นเรื่องความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น มีการงดเว้นอาหารสดที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น สลัดต่างๆ อาหารญี่ปุ่น หรือแม้แต่อาหารที่ปรุงสุกมาแล้ว ก็ต้องอุ่นซ้ำ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19
จากการปรับตัวของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าใจอาหารที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว ก็เชื่อว่าความปลอดภัยของอาหารและอาหารที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ จะอยู่ในกระแสความต้องการต่อไปจนกลายเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคในอนาคต
แนวโน้มดังกล่าว ถือเป็นโอกาสในการทำตลาดของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีความพร้อมด้านกำลังการผลิต หลังจากเข้าซื้อกิจการของ พริ้นท์แพค เอเชีย ในปี 2562 ทำให้ขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมยืดอายุอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีโรงงานและสำนักงานในประเทศจีนและอินเดีย รวมกำลังการผลิตปัจจุบันสูงเกือบ 2,700 ล้านชิ้นต่อปี
“ศักยภาพของบริษัทฯ ที่มี ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่สูงขึ้นในขณะนี้อย่างแน่นอน ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมจะเติบโต 100% จากยอดขายปีที่ผ่านมา”นายชัยวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ ขยายการดำเนินธุรกิจไปในตลาดสำคัญทั่วภูมิภาค อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ โดยมีสัดส่วนยอดขายส่งออกที่ 95% และยอดขายในประเทศที่ 5%
ด้านแผนรุกตลาดในปีนี้ จะเดินหน้าเจาะตลาดผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก้าวสู่การทำธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้บนเวทีระดับโลก เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ขยายตลาดต่างประเทศ และการที่ผลิตภัณฑ์มีอายุสินค้าที่ยาวนานขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย นับว่าตอบโจทย์และช่วยปิดจุดอ่อนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างดี
สำหรับบรรจุภัณฑ์ของบริษัท ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต สามารถรักษาอายุของอาหารได้นานสุดกว่า 2 ปี ไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสารก่อมะเร็ง มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา และมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ผู้บริโภคเพียงเปิดแล้วรับประทานได้ทันที ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น เป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างมาก
