Business

บอร์ดประกันสังคมเคาะเยียวยา ลูกจ้างตกงาน ปิดกิจการ ช่วงโควิดพรุ่งนี้

บอร์ดประกันสังคมเคาะเยียวยาลูกจ้าง กรณี ปิดกิจการ ชั่วคราว พรุ่งนี้ เผยแรงงานที่เข้าข่ายมีอยู่ 5 แสนราย หากบอร์ดอนุมัติ จ่ายเยียวยาได้ทันที

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างรุนแรง สถานประกอบการจำนวนมาก ต้องทยอยปิดกิจการ และมีจำนวนผู้ตกงานจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33 และมาตรา 40 ที่ต้องหยุดงานเพราะสถานประกอบการ นายจ้างต้องปิดกิจการชั่วคราว เพราะลูกค้าน้อยลงมาก หรือไม่มีลูกค้าจึงตัดสินใจหยุดดำเนินกิจการเพื่อลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างแรงงานในภาคท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม เนื่องจากรัฐไม่ได้สั่งปิดเป็นการชั่วคราวจากเหตุสุดวิสัยด

โดยวันที่ 14 เมษายนนี้ จะประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด) เพื่อพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาให้กับแรงงานที่ตกงาน หรือต้องหยุดงานชั่วคราวจากการระบาดของโควิด-19  โดยมีประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นพิจารณาดังนี้

1.โควิด-19 นั้น ถือว่าเป็น “เหตุสุดวิสัย” หรือไม่ เนื่องจากใน พ.ร.บ.ประกันสังคมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน บทบัญญัติกฎหมายไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุสุดวิสัยครอบคลุมถึงโรคระบาด ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานจึงทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า จะสามารถจ่ายเงินเพื่อเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้หรือไม่ ซึ่งกฤษฎีกาให้คำตอบกลับมาว่า บอร์ดประกันสังคมสามารถเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดได้เลยว่า การเกิดโรคระบาดอย่างโควิด เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ เพราะเป็นการระบาดวิกฤติรุนแรงไปทั่วโลกโดยไม่มีการคาดหมายมาก่อน

2. ศักยภาพของกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ขณะนี้ หากจะเยียวยาในส่วนนี้อาจจ่ายเงินเยียวยาให้ได้เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น  หากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และอาจจะลากยาวไปถึง 6 เดือนหรือมากกว่านั้น จะสามารถนำเงินกองทุนประกันสังคม ซึ่งถูกแบ่งแยกตามภารกิจหน้าที่เป็น 4 ฟังก์ชั่น จากกองอื่นมาเฉลี่ยเพื่อจ่ายให้ผู้อยู่ในระบบประกันสังคมในภาวะที่มีความจำเป็นในสถานการณ์โควิดระบาดในขณะนี้ได้หรือไม่ เช่น การกู้ยืมเงินระหว่างกันได้หรือไม่ เป็นต้น

3. การบริหารกองทุนประกันสังคมในอนาคต ภายหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ต้องบริหารอย่างไร รวมถึงการจัดกลุ่มของแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมตามฐานเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท ฐานเงินเดือนที่ 20,000-25,000 บาท และฐานเงินเดือนที่ 30,000 บาท มีจำนวนในแต่ละประเภทอยู่เท่าไหร่ เพื่อใช้วางแผนสำหรับอนาคตของประกันสังคมใหม่ เนื่องจากรายละเอียดที่บังคับใช้ภายใต้ พ.ร.บ.ประกันสังคมในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะระดับฐานเงินเดือนที่สูงขึ้นกว่าเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้

 เมื่อประเมินเบื้องต้นพบว่ามีแรงงานที่ตกงาน หรือต้องหยุดงานชั่วคราว โดยรัฐไม่ได้สั่งให้หยุด แต่สถานประกอบการ หรือนายจ้างหยุดกิจการเองจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อยู่ที่ประมาณ 500,000 ราย

สำหรับเกณฑ์การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาตามกฎหมายระบุว่า ต้องมีการจัดส่งเงินเข้าประกันสังคมอย่างน้อย 15 ปี ได้รับอยู่ที่ 62% จากฐานเงินที่ส่งเข้าประกันสังคมที่ 15,000 บาท ฉะนั้นเท่ากับว่า หากคำนวณแล้วจะต้องจ่ายอยู่ที่ 9,300 บาท หากบอร์ดประกันสังคมอนุมัติในสัปดาห์หน้า สามารถจ่ายเงินเยียวยาได้ทันที

“สำหรับเงินในกองทุนประกันสังคมขณะนี้มีจำนวนเงินที่ทั้งลูกจ้าง นายจ้าง ผู้ประกันตน และจากรัฐบาล ทำให้มีเงินรวมค่อนข้างมากที่ 2 ล้านล้านบาท จะเห็นว่าวงเงินสูงมาก ในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่แรงงานเป็นคนส่ง เพราะฉะนั้นหากใช้เงินก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แตกต่างจากการจ่ายภาษี ต้องจ่ายเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็นจริงๆ การช่วยเหลือจึงต้องช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม

ส่วนที่เหลือที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม แต่ได้รับผลกระทบจากโควิด ภาครัฐเข้ามาเยียวยาไปแล้วที่ 5,000 บาท เพื่อให้ผ่านในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่ดี และยังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดที่มองไม่เห็นอีก ภาครัฐจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้ การสร้างดีมานด์จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำก่อน” ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าว

ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่านอกเหนือจาก 3 ประเด็นที่จะมีการหารือของบอร์ดประกันสังคมแล้ว ยังพิจารณาถึงแรงงานอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการเยียวยา อย่างเช่น กลุ่มที่ปิดกิจการไปก่อนหน้านี้ รวมถึงกลุ่มที่นายจ้างสั่งหยุดทำงาน แต่ยังจ่ายเงินเดือนอยู่ที่ 75% ของฐานเงินเดือนว่าจะมีมาตรการมาบรรเทาความเดือดร้อนในส่วนต่างรายได้ที่หายไปได้หรือไม่ และวิธีการจะเป็นอย่างไรด้วย

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight