Business

พิษโควิดซัด ‘อสังหาฯ’ โค้งแรกวูบ 50% คาดทั้งปีโครงการใหม่ลดฮวบ 80%

สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่พ่นพิษใส่ทุกภาคส่วน รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุด ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เปิดผลวิจัยตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปลายเดือนม.ค.2563จนถึงขณะนี้พบว่า ยอดขายพรีเซล ลดลงกว่า 50%

นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผยว่า นอกจากยอดขายพรีเซลจะลดลงกว่า 50% แล้ว ในส่วนของผู้เข้าเยี่ยมโครงการยังลดลงกว่า 50% เช่นกัน ดังนั้นในปี 2563 นี้ ประเมินว่า จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 1.1-1.2 หมื่นยูนิตจาก 50 โครงการ หรือหายไป  80%จากปี 2562 ที่มี  5.7 หมื่นยูนิตจาก 130 โครงการ อีกทั้งยังถือเป็นปีที่มีการเปิดตัวลดลงต่ำที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา

คอนโด

ทั้งนี้โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกของมี.ค. (1-15 มี.ค.) พบว่ามีการเปิดตัวเพียง 3 โครงการส่วนใหญ่ราคาต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม. และหลังจากวันที่ 15 มี.ค.ภาครัฐ เริ่มมีมาตรการสกัดการระบาดเข้มข้นขึ้น พบว่าไม่มีการเปิดตัวเลย ทำให้คาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะไม่มีการเปิดตัวโครงการในไตรมาสที่ 2 และจะหันไปเน้นการระบายสต็อกเก่าสะสมในตลาดที่ ณ สิ้นปี 2562 พบว่ามีคอนโดมิเนียม เหลือขาย 623,381 ยูนิต ขายไปแล้ว 525,223 ยูนิต เหลือสะสมกว่า 1 แสนยูนิต

สำหรับกา่รคาดการณ์ก่อนจะเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 20 บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการ 1.3-1.5หมื่นยูนิต ขณะที่บริษัทอสังหาฯนอกตลาดหลักทรัพย์รายกลางและเล็กวางเป้าหมายจะเปิดโครงการ 5,000 ยูนิตแต่เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่า รายกลางและรายเล็ก จะระงับการเปิดตัว คงเหลือเพียงแต่รายใหญ่ จึงคาดว่าจะเปิดตัวเหลือ 1.1-1.2 หมื่นยูนิตเท่านั้น

ขณะที่โครงการที่ขายได้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็นกลุ่มราคาที่สามารถเข้าถึงได้ (Affordable) หรือต่ำกว่า 1 แสนบาท ต่อตร.ม. และกลุ่มที่ขายได้ส่วนใหญ่จะเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับจุดเชื่อมต่อการขนส่งมวลชน ตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก เช่น รามคำแหง และแจ้งวัฒนะ

asia 4440658 1280

ในส่วนของกลยุทธ์การปรับตัวรับมือไวรัสโควิด-19 ของผู้ประกอบการอสังหาฯ พบว่า ส่วนใหญ่เน้นการดึงลูกค้าไว้กับตัวเอง จึงหันไปลดราคาทั้งอัตราการจอง ลดอัตราการผ่อนดาวน์ และอาจจะระงับการจ่ายเงินดาวน์ชั่วคราวเริ่มต้น 3 เดือน รวมไปถึงการจูงใจนำสินค้ามาลดราคา ซึ่งเป็นเพียงบางส่วนของโครงการที่ขายไม่ได้อยู่แล้วเพื่อเร่งการขาย และเก็บห้องบางส่วนไว้ในราคาเดิม เพื่อรอให้เศรษฐกิจฟื้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อสังหาฯชะลอตัวเช่นนี้เป็นผลดีกับกลุ่มนักลงทุนที่มีเงินเก็บ(เงินเย็น) ใช้โอกาสจากการลดค่าจอง เงินดาวน์ และราคาที่ลดลง เป็นโอกาสในการเข้ามาซื้อเพื่อทำกำไร ระหว่างรอให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ทำให้ตลาดที่จะคึกคักและขายได้คือกลุ่มตลาดขายต่อ (Re-sale) โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมืองที่มีราคาซื้อเริ่มต้น 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งราคาตลาดขึ้นมาอยู่ที่ 2 แสนบาทบาทต่อตร.ม. มีบางรายยอมปล่อยในราคา 1.7 แสนบาทต่อตร.ม. ก็ถือว่ายังสามารถทำกำไรได้

Avatar photo