Business

ปตท.ลุยลงทุน 70,000 ล้านปีนี้ กระตุ้นเศรษฐกิจ 0.3% มั่นใจ COVID-19 คลี่คลายไตรมาส 1

ปตท.เดินหน้าลงทุนตามแผนปีนี้ 69,310 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 0.3% ของจีดีพี ตามแผนลงทุน 5 ปี 180,814 ล้านบาท ทางด้านทั้งกลุ่มปตท. วางงบลงทุน 9 แสนล้านบาท ชี้งบล่าช้า-ไวรัส COVID-19 กระทบเศรษฐกิจประเทศปีนี้หนัก มั่นใจไตรมาส 1 ไวรัส COVID-19 คลี่คลาย  พร้อมรอลุ้นสงครามการค้าจีน-สหรัฐยุติ  ด้าน “โออาร์” เดินหน้าเข้าตลาดฯ ไม่หวั่นไวรัส 

109550

วันนี้ ( 24 ก.พ.) ผู้บริหารปตท.จำกัด (มหาชน) ได้จัดแถลงข่าวผลประกอบการปี 2562 นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) กล่าวถึงแผนการลงทุน 5 ปี (2563-2567) ว่า ได้วางงบไว้รวม 180,814 ล้านบาท ปี 2563 วงเงิน 69,310 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 41,415 ล้านบาท ปี 2565 วงเงิน 30,484 ล้านบาท ปี 2566 วงเงิน 20,545 ล้านบาท ปี 2567 วงเงิน 19,060 ล้านบาท

pieChart 01

โดยสัดส่วนการลงทุนสูงสุด 52% อยู่ที่การร่วมลงทุน และการลงทุนของบริษัท ปตท.ถือหุ้น 100% วงเงิน 93,181 ล้านบาท รองลงมา 18% ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ วงเงิน 31,725 ล้านบาท 16% ลงทุนในบริษัทพีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)Terminal 2 มาบตาพุด วงเงิน 29,054 ล้านบาท 8% เป็นโครงสร้างพื้นฐาน 15,182 ล้านบาท และ 6% ธุรกิจก๊าซฯ 11,672 ล้านบาท

นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีนี้ ปตท.ยังได้เตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) จำนวน 203,583 ล้านบาท สำหรับการหาโอกาสในการซื้อกิจการ (M&A) และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นต้น

pieChart02 01

นางอรดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัทปตท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนของบริษัทปตท.ในปีนี้ 69,310 ล้านบาท เน้นการลงทุนโครงการ ท่อส่งก๊าซฯเส้นที่ 5 การปรับปรุงท่อส่งก๊าซฯเส้นที่ 1 และท่อส่งก๊าซฯไปยังจังหวัดราชบุรี รวมถึงการลงทุนใน LNG Terminal ระยะ 2 มาบตาพุด ซึ่งการลงทุนปตท.จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างดี  0.2-0.3% ของจีดีพี เพราะวันนี้ประเทศต้องการการลงทุนอย่างมาก

สำหรับการลงทุน 5 ของทุกบริษัททั้งกลุ่มปตท. รวม 9 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. รองลงมาเป็นการลงทุน ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันของตามโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 

ทางด้านการคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปีนี้จะเติบโตประมาณ 2.2-2.3% ลดลงจากเดิมเล็กน้อย ที่คาดว่าจะเติบโต 2.6% ซึ่งเป็นการคาดการณ์สอดคล้องกับตัวเลขของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ

ทั้งนี้ปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัวหลักๆมาจากงบประมาณปี 2563 เบิกจ่ายล่าช้าจากเดิมปลายปี 2562 มาเป็นต้นปีนี้ รวมถึงเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ปัจจัยจากภัยแล้ง และความขัดแย้งของพรรคการเมือง ที่มากระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน

สำหรับ COVID-19 นายชาญศิลป์ ระบุว่า ไวรัส COVID-19 กระทบการท่องเที่ยว การใช้น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซล รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร แต่ก็มีความมั่นใจว่าจะคลี่คลายภายในไตรมาสนี้ เพราะเชื่อว่าผู้ป่วยทุกคนที่ติดเชื้อจะมีอาการดีขึ้น และศักยภาพทางการแพทย์ของไทย รวมถึงการพัฒนายารักษา

“ในส่วนการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัทปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ไม่กระทบจากปัจจัยไวรัส COVID-19 ขณะนี้ ยังคงอยู่ในขั้นตอนของทางราชการ ส่วนจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และขายหุ้นได้เมื่อใดนั้นต้องถาม CEO ปตท.คนใหม่ “

นายชาญศิลป์ ยอมรับว่าปีนี้เป็นความท้าทายมากในการดำเนินธุรกิจ จากสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐ ที่ต้องติดตามว่าจะยืดเยื้อต่อไปหรือไม่ และปัจจัยจาก ไวรัส COVID-19

“เราป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆที่มากระทบ ที่สำคัญ คือกระจายพอร์ตการลงทุนของเรา และปรับแผนการตลาดให้ทันสถานการณ์ และลงทุนในธุรกิจที่มีอนาคต ได้แก่ การนำก๊าซฯไปผลิตไฟฟ้า การผลิตเชื้อเพลิงสะอาด และการสร้างพลังร่วมของกลุ่ม ผ่านโครงการ Project ONE รวมถึงการขยายลงทุนในธุรกิจใหม่ อาทิ ระบบกักเก็บพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า ไฟฟ้าครบวงจร เป็นต้น และพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ ” 

นางอรดี เสริมถึงการประเมินเศรษฐกิจระหว่างประเทศว่า ในส่วนของจีน คาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมาย 6% ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และปัญหากับสหรัฐ ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบวก จากความพยายามของรัฐบาลจีนในการพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวแรง ผ่านมาตรการทางการคลัง และการเงิน และการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าจะขยายตัวต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง เพราะการจ้างงานยังสูง ที่จะมาสนับสนุนการบริโภค และดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำช่วยพยุงเศรษฐกิจ ส่วนการลงนามข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 เมื่อเดือนมกราคม 2563 เป็นทั้งปัจจัยบวกและลบ เพราะยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ

ด้านเศรษฐกิจยูโรโซน คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากตลาดแรงงาน ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (ultra-accommodative) และนโยบายการคลังเชิงป้องกัน (pre-emptive fiscal stimulus) และการปรับตัวดีขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนปัจจัยลบมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลี และสเปน และการเจรจาตกลงความสัมพันธ์ในอนาคตกับสหราชอาณาจักร

IMG 20200224 150805

ทั้งนี้การแถลงข่าวผลประกอบการในวันนี้ ถือเป็นการแถลงข่าวผลประกอบการครั้งสุดท้าย ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) ของนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร โดยเขาให้เวลาตอบทุกคำถามของสื่อมวลชนอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน เป็นเวลานานกว่า 4 ชม.

พร้อมกับระบุถึง CEO คนใหม่ว่า การแต่งตั้ง CEO คนใหม่ ทุกอย่างได้ผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการปตท.มาแล้วเมื่อเร็วๆนี้ เหลือเพียงการลงนามสัญญาจ้างกับกระทรวงการคลังเท่านั้น โดยไม่ต้องนำเข้ามาที่คณะกรรมการปตท.อีก และภายในปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนมีนาคม จะมีการส่งมอบงานระหว่างตน และ CEO คนใหม่อย่างเป็นทางการ

 

Avatar photo