วันนี้ (29 ม.ค.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกิจการร่วมค้า CTB ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้าง “โครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านทิศตะวันตก” ฉบับที่ 2 วงเงิน 6,440 ล้านบาท เป็นระยะเวลาก่อสร้าง 1,170 วัน โดยกิจการร่วมค้า CTB ประกอบด้วยบริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง คัมปะนี ลิมิเต็ด, บริษัท ทิพากร จำกัด และบริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด
“กิจจา หอรักษา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพากร จำกัด กล่าวว่า กิจการร่วมค้า CTB มีความพร้อมในการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โครงการทางด่วนพระราม 3ฯ แต่ต้องรอให้การทางพิเศษฯ ออกหนังสือให้เข้าพื้นที่ (NTP) ก่อน
สำหรับบริษัท ทิพากรนั้น เพิ่งก่อสร้างรถไฟทางคู่และทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมาแล้วเสร็จ จึงมีพนักงานว่างอยู่ประมาณ 300 คน จากทั้งหมดกว่า 500 คน เพราะงานที่ก่อสร้างเสร็จไปมีมูลค่าค่อนข้างมาก ซึ่งพนักงานส่วนนี้ก็จะมาช่วยเตรียมโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม3ฯ ในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้า
“กิจจา” กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทิพากรมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยล่าสุดทิพากรจับมือเป็นพันธมิตรกับ “ซิโนไฮโดร” และ “สหการวิศวกร” คว้างานประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสที่ 1 ได้อีก 1 สัญญา คือสัญญาที่ 4-3 ช่วงดอนเมือง-นวนคร
ในปี 2563 ทิพากรวางเป้าจะรักษา Backlog ไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 บังคับใช้แล้ว บริษัทก็จะเข้าประมูลจัดซื้อจัดจ้างตามปกติ แต่หากบริษัทได้รับโครงการใหญ่ ก็อาจจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานของกรมทางหลวง (ทล.) เหมือนทุกปี รวมถึงตั้งเป้าจะใช้ประสบการณ์ในการก่อสร้างระบบราง เข้าประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสที่ 1 สายมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางจิระในกลางปีนี้ เนื่องจากสัญญานี้มีการปรับแบบช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมาและเพิ่งได้ข้อสรุป จึงเปิดประมูลล่าช้ากว่ารถไฟทางคู่เฟสที่ 1 สัญญาอื่น
“เราพร้อมอยู่แล้ว เพราะเราเพิ่งทำงานรถไฟทางคู่ สายองครักษ์-แก่งคอย-วิหารแดงเสร็จไป และช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เราก็ลงทุนเครื่องจักรรถไฟ เพื่อมาทำงานทางรถไฟ”
สำหรับภาพรวมการเปิดประมูลงานเมกะโปรเจ็คของภาครัฐในปีนี้ ส่วนตัวมองว่างานไม่ได้ลดลงและงบประมาณในปีนี้ก็ไม่ได้น้อยลง เพียงแต่ว่าโปรเจ็คใหญ่ๆ ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ต้องรอกระบวนการต่างๆ เช่น การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) การออกแบบ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลอาจต้องกระตุ้นเรื่องงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท ทิพากร จำกัด จดทะเบียนตั้งแต่เดือนกันยายน 2522 และปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยรายงานผลประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดังนี้
- ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,141 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท
- ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 3,932 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17 ล้านบาท
- ปี 2599 บริษัทมีรายได้รวม 2,782 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท
- ไฟเขียว ‘2 กิจการร่วมค้า’ ชนะประมูลไฮสปีดไทย-จีน ‘ยูนิค’ มาวินคว้าสัญญาถัดไป
- เคาะกรอบวงเงินรายจ่ายปีงบ 63 ที่ 3.2 ล้านล้านบาท