“นิตินัย” ปิดจ็อบ “เทอร์มินอล 2” สนามบินสุวรรณภูมิ หลังรับฟังความเห็นรอบด้าน กำหนดเสนอเรื่องเข้าบอร์ด 20 พ.ย. นี้ เชื่อผู้เกี่ยวข้องเข้าใจ พร้อมชี้แจง “ทอท.” ไม่ใช่เด็กดื้อ แตะต้องไม่ได้ เพราะยังต้องทำตามขั้นตอน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าว “โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ” (North Expansion) ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ (15 พ.ย.) ว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน รอบด้าน ประกอบการตัดสินใจในโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือที่เดิมเรียกว่าโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 (Terminal 2) นั้น
ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ทอท. ได้ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็นและชี้แจงข้อซักถามกับผู้เกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยฝ่ายสายการบินและผู้โดยสารต่างต้องการให้ ทอท. แก้ไขปัญหาความแออัดในอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 1 (Terminal 1) ด้านองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งดูแลความปลอดภัยด้านการบิน และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งดูแลด้านโลจิสติกส์และการใช้งานของสนามบิน ก็แนะนำให้สนามบินทุกแห่งทบทวนผังแม่บท (Master Plan) ทุกๆ 5 ปีเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์
เชื่อ “คมนาคม-สภาพัฒน์” เข้าใจ
นายนิตินัยกล่าวว่า ทอท. จึงจะเสนอความเห็นของผู้เกี่ยวข้อง ประกอบข้อมูลโครงการ North Expansion ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ถ้าบอร์ดเห็นชอบ ก็จะเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคม, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตามขั้นตอน ทอท. ไม่ใช่เด็กดื้อ หรือแตะต้องไม่ได้อย่างที่มีคนพูดถึง
ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเห็นชอบโครงการนี้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละหน่วยงาน ทอท. ไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ที่ผ่านมา ทอท. ก็ได้หารือกับกระทรวงคมนาคมและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสภาพัฒน์ จึงเชื่อว่าหน่วยงานต่างๆ น่าจะเข้าใจ
“ตอนนี้ปิดจ็อบงานของฝ่ายบริหาร ทอท. แล้ว จากนี้ต้องเสนอบอร์ดและให้หน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณา” นายนิตินัยกล่าว
เปิดใช้เร็วสุดปี 66
ถ้าหากโครงการ North Expansion สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ก็คาดว่าจะใช้วงเงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 25466-2567 มีความสามารถรองรับผู้โดยสาร 40 ล้านคนต่อปี และเพิ่มหลุมจอดเครื่องบินระยะประชิดอีก 14 หลุดจอด
ขณะเดียวกันการเปิดโครงการ North Expansion จะส่งผลให้สนามบินสุวรรณภูมิ มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 100 ล้านคนต่อปี ในปี 2566-2567 ขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณผู้โดยสารภายในสนามบินสุวรรณภูมิจะเพิ่มจาก 65 ล้านคนต่อปี เป็น 82 ล้านคนปี แสดงว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะมีความแออัดลดลง มีมาตรฐานบริการดีขึ้น และมีพื้นที่รองรับการเติบโตเพิ่มได้อีก
อย่างไรก็ตาม หาก ทอท. ไม่สามารถผลักดันโครงการก่อสร้าง North Expansion ก็จะส่งผลกระทบให้พื้นที่นอกเขตการบิน (Landside) มีความหนาแน่นมากขึ้น เพราะการก่อสร้างทางวิ่ง (Runway) แห่งที่ 3 ภายในสนามบินสุวรรณภูมิจะแล้วเสร็จประมาณปี 2564-2566 ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการรองรับเครื่องบินภายในเขตการบิน (Airside) เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถขยายพื้นที่ใน Landside เช่น เคาน์เตอร์เช็คอิน ได้ตามแผน
ตอบ 3 ปมสงสัย
นอกจากนี้ นายนิตินัยได้อธิบายประเด็นที่มีการตั้งคำถามถึงโครงการ North Expansion จำนวน 3 ข้อ ดังนี้
1.ทำไม ทอท. จึงไม่ปฏิบัติตาม Master Plan ฉบับเดิม : ในประเด็นนี้ ทอท. ขอชี้แจงว่า ทอท. ปฏิบัติตามหลักการของ Master Plan เดิม แต่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงทุก 5 ปี ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
ทอท. ได้เริ่มจัดทำ Master Plan ภายในสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ปี 2536 ซึ่ง ICAO และ IATA ได้ศึกษา และแนะนำให้มีการปรับปรุงแผนแม่บทท่าอากาศยานทุกๆ 5 ปี หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจการบินที่เปลี่ยนแปลงไป
โดย ทอท. ได้เร่งรัดดำเนินการตามหลักการของ Master Plan เดิม ซึ่งยังคงดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานจากด้านทิศเหนือไปยังทิศใต้ โดยมิได้มีการชะลอโครงการแต่อย่างใด
แต่เมื่อ ICAO ได้ปรับปรุง Master Plan ตามเกณฑ์กรอบระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นในปี 2554 ซึ่งเป็นภาวะที่สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารเกินขีดความสามารถนั้น ICAO ได้แนะนำให้ปรับปรุง Master Plan เดิม โดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรใน Master Plan ดังกล่าวว่า “จากข้อเสนอเดิมที่ให้ขยายอาคารที่ปลายทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกนั้น จะยากมากสำหรับการดำเนินการเมื่ออาคารยังถูกใช้งานที่เต็มขีดความสามารถอยู่ ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหาคือการย้ายกระบวนการผู้โดยสารในประเทศไปยังบริเวณอื่น และปรับบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศทดแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริการน้อยกว่า”
โดย ICAO ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า “วิธีการที่ดีที่สุดในระยะสั้นคือ การพัฒนาอาคารที่แยกเป็นอิสระต่อเนื่องกับอาคารเทียบเครื่องบิน A เพื่อรองรับผู้โดยสารในประเทศทั้งขาเข้าและขาออก” ซึ่ง Master Plan ปัจจุบันที่เขียนขึ้นในภาวะที่สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารเกินขีดความสามารถเช่นกัน แนวทางการก่อสร้างจึงยังยึดหลักการเดิมของ ICAO ที่แนะนำให้ต่อขยายอาคารเทียบเครื่องบิน A ออกไปในตำแหน่งเดิมที่ ICAO เคยแนะนำทางด้านทิศเหนือ จะมีปรับก็เพียงวิธีการบริหารจัดการอาคารดังกล่าวให้เหมาะสมกับจำนวนและแนวโน้มผู้โดยสารตามคำแนะนำของผู้ใช้งานโดยตรงรวมถึง IATA ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้มีการปรับปรุงแผนแม่บททุก 5 ปีด้วยเช่นกัน เท่านั้น
ดังนั้น ทอท. จึงขอยืนยันว่า ในอุตสาหกรรมทางการบิน จำเป็นต้องไม่ยึดติดกับ Master Plan ที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยองค์กรระหว่างประเทศแนะนำให้ต้องปรับปรุงแผนแม่บทให้ทันสมัยทุก 5 ปี เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการบินอย่างแท้จริง
2.North Expansion แก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่ : ในการขยายอาคารไปทางทิศเหนือตามคำแนะนำของ ICAO นี้ ทอท. ได้มุ่งแก้ปัญหาความแออัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเอาปัญหา (pain point) ของผู้ใช้งานเป็นที่ตั้ง เพื่อรวบรวมความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นปัญหาต่างๆ อย่างครบถ้วน จึงมั่นใจได้ว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยยังได้มุ่งเน้นการบรรเทาที่เกิดขึ้นจาก Master Plan ฉบับก่อนหน้าควบคู่กันไปด้วย
ทอท. ได้พูดคุยกับผู้ใช้บริการ สายการบิน และผู้ประกอบการในสนามบินสุวรรณภูมิถึงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อการใช้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ เช่น การจราจรติดขัดบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสาร การใช้เวลารอนานทั้งในขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งมีจำนวนเคาน์เตอร์จำกัด จุดรับกระเป๋าและเคาน์เตอร์เช็คอินไม่เพียงพอ
โดย ทอท.ได้เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยมีการหารือร่วมกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติที่มีสัดส่วนเที่ยวบินมากที่สุด, IATA, คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน ( AOC), Board of Airline Representatives Business Association (BAR), คณะกรรมการที่ปรึกษาท่าอากาศยาน (ACC) และประชุมหารือร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (กยผ.) สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และสภาพัฒน์
ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบ เรื่องการพัฒนาที่ดินแปลงด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) เป็นอาคารผู้โดยสาร (Optional Terminal) ตามที่ระบุใน Master Plan สนามบินสุวรรณภูมิของ ICAO ฉบับ 2552 และ 2554 และมีความเห็นสอดคล้องกับ ทอท.ในการดำเนินการก่อสร้าง North Expansion ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดำเนินการได้รวดเร็วและส่งผลกระทบน้อยที่สุด
นอกจากการแก้ปัญหาจากคำแนะนำของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงข้างต้นแล้ว North Expansion ยังบรรเทาปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น การมีหลุมจอดด้านตะวันออก (จุดที่จะมีการต่อขยาย) แต่เครื่องบินต้องไปขึ้นทางทิศตะวันตก ซึ่งเดิมจะทำให้เกิดการตัดของการจราจรทั้งรถบัสที่ไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องฯ และเกิดการตัดของการจราจรอีกครั้งเมื่อเครื่องฯ จะมาขึ้นในทางวิ่ง (Runway) ด้านตะวันออก เมื่อมี North Expansion แล้ว ก็จะสามารถลดปัญหาเดิมที่จะต้องนำรถบัสไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ เป็นต้น
3.ทอท.ไม่ได้เมินหน่วยงานรัฐ : ทอท. ยืนยันดำเนินการตามกระบวนการ โดยหลังจากนี้จะต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป มิได้ข้ามขั้นตอน หรือสามารถจะมีอภิสิทธิ์เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ
สำหรับประเด็นที่ว่า ทอท.ไม่สนใจคำทักท้วงและข้อเสนอแนะนั้น ทอท. ขอยืนยันว่า นอกจาก ทอท. ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว ทอท. ได้ดำเนินการโครงการนี้ตามสั่งการของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงคมนาคมที่ให้มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันนำมาซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อเสนอแนะจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องข้างต้น และยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการลงทุนของประเทศทุกขั้นตอน
โดยหลังจากนี้ ฝ่ายบริหาร ทอท. จะนำข้อมูลประกอบการตัดสินใจนี้เสนอที่ประชุมบอร์ด ทอท.
ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 หากบอร์ดเห็นชอบก็จะนำเสนอกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกระทรวงต้นสังกัด และสภาพัฒน์เพื่อกลั่นกรองความเหมาะสม และนำเสนอ ครม. ต่อไป
- ทอท. เตรียมแถลงจุดยืน ‘ส่วนต่อขยาย’ สุวรรณภูมิ คาดเดินหน้าโครงการต่อ
- ‘ทอท.’ เดือด!! ออกแถลงการณ์โต้ตัดแปะเทอร์มินัล 2
- ทอท. เล็งสรุปความเห็น ‘ส่วนต่อขยายสุวรรณภูมิ’ ส่ง ‘ศักดิ์สยาม’ ชี้ชะตาปลายเดือนนี้