มีบริษัทประเภทหนึ่งที่เราเรียกกันว่า Holding Company ซึ่งเป็นบริษัทที่มีธุรกิจหลัก คือ การเข้าไปลงทุนหรือถือหุ้นในกิจการอื่นๆ เป็นหลัก หรือถือหุ้นบริษัทอื่นคิดเป็นมูลค่าจำนวนมากเมื่อเทียบกับกิจการที่ตัวเองทำ
จะว่าไปแล้วก็มีลักษณะคล้ายๆ กับกองทุนรวมนั่นเอง เพราะประกอบไปด้วยการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท เพียงแต่จะต่างตรงที่ Holding Company จัดตั้งในรูปแบบบริษัทที่เข้าไปลงทุนในบริษัทอื่น แต่กองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนเข้าไปลงทุนในตลาดเงิน-ตลาดทุน
ในยามที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ตลาดหุ้น Sideway แบบนี้ บริษัทกลุ่ม Holding Company ที่ถือหุ้นของบริษัทอื่นเป็นหลัก ก็ถือว่าเป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ เนื่องจากส่วนใหญ่มักมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนที่หลากหลาย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ คือ หุ้น Holding ค่อนข้างจะมีมูลค่า Market Cap. ถูกกว่ามูลค่าของหุ้นที่ถืออยู่ หรือ “Discount” ประมาณ 20-30% ฉะนั้น ถ้าเราสนใจหุ้นลูกที่ Holding ถืออยู่ การเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทแม่ มักจะได้ส่วนลดที่มากกว่า ขณะเดียวกันผลประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้จากการลงทุนใน Holding Company ประกอบด้วย
รายได้จากเงินปันผล
Holding Company มักจะลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรและสร้างกระแสเงินสดกลับมาในอัตราที่สูงได้ เพื่อจะได้ส่งต่อผลตอบแทนนั้น ปันผลสู่กลุ่มผู้ถือหุ้นอีกทอด
กำไรจากส่วนต่างราคา
Capital Gain เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ว่าจะสายไหนก็ต้องการอยู่แล้ว เช่นกันหากผู้บริหาร Holding Company มีวิสัยทัศน์ที่ดี หยิบจับการลงทุนที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว ก็ย่อมส่งผลต่อ Capital Gain ราคาหุ้นที่ถืออยู่สูงขึ้น สร้างกำไรกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
การกระจายความเสี่ยง
เนื่องจาก Holding Company ลงทุนในธุรกิจหลากหลาย โอกาสที่ธุรกิจต่างๆ จะเกิดวิกฤติพร้อมๆกัน จึงมีน้อยมาก ยิ่งเป็น Holding Company ที่ลงทุนในธุรกิจหลายประเภท ก็ยิ่งสามารถกระจายความเสี่ยงออกไปได้มาก
สำหรับประเทศไทยเองก็มี Holding Company ขนาดใหญ่ที่เรารู้จักกันดีอยู่หลายบริษัท อย่างเช่น
1. INTUCH : บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี เช่น ADVANCE และ THCOM
2. BTS : บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจการบริการ และสื่อโฆษณา เช่น BTSGIF, VGI, MACO, U, JMART, RS, COM7 และ NOBLE
3. SPI : บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้นหลักในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายของเครือสหพัฒน์ เช่น ICC, OCC, SPC และ TFMAMA
4. PTT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้นในกลุ่มกิจการพลังงานของกลุ่มปตท. เช่น PTTEP, PTTGC, TOP, IRCP, GPSC และ GGC
อย่างไรก็ตาม อยากฝากไว้ว่าการลงทุนในหุ้น Holding ถือว่าเป็นกิจการที่มีความซับซ้อน เพราะบริษัทแม่ส่วนใหญ่จะถือบริษัทลูกหลากหลายตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันนั่นเอง การพิจารณาจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและรอบด้าน
