“ศักดิ์สยาม” เปิดห้องประชุมรับฟังปัญหารถสาธารณะ “แท็กซี่” ขอปรับค่าโดยสารอีก 5% พร้อมประสานเสียง “วินมอเตอร์ไซค์” ขอให้ช่วยปราบ “แกร็บ” ด้าน “รถตู้” ที่หมดอายุ ขอไม่เปลี่ยนเป็นรถไมโครบัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 ส.ค.) ผู้ประกอบการรถขนส่งสาธารณะ ประกอบด้วยกลุ่มรถตู้โดยสารสาธารณะ กลุ่มรถแท็กซี่ และกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) ได้เดินทางมาพบกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อร้องเรียนปัญหาของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะและขอให้กระทรวงคมนาคมช่วยแก้ไข
สำหรับกลุ่มรถแท็กซี่สุวรรณภูมิเสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 5% เนื่องจากก่อนหน้านี้ภาครัฐสัญญาว่าจะปรับค่าโดยสารทั้งหมด 13% และได้ปรับขึ้นรอบแรกไปแล้ว 8% ยังเหลือที่ไม่ได้ปรับอีก 5% รวมถึงขอปรับขึ้นค่าบริการเรียกรถที่สนามบิน (Surcharge) จาก 50 บาทต่อเที่ยว เป็น 90 บาทต่อเที่ยว ส่วนกลุ่มแท็กซี่พัทยาและกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ขอให้ช่วยปราบปรามบริการเรียกรถส่วนบุคคล (ป้ายดำ) ผ่านแอพพลิเคชั่นแกร็บ (Grab)
ด้านกลุ่มสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย ขอให้ขยายอายุการใช้งานรถแท็กซี่มิเตอร์จาก 9 ปี เป็น 12 ปี รวมทั้งขอปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ให้เหมาะสมด้วย ส่วนกลุ่มรถตู้โดยสาร ขอให้พิจารณาขยายเวลาการเปลี่ยนรถตู้โดยสารเป็นรถไมโครบัสออกไปอีก 180 วัน รวมถึงขอให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้รถตู้โดยสารต่อไปได้ ไม่ต้องเปลี่ยนประเภทเป็นรถไมโครบัส นอกจากนี้ขอให้ปฏิรูปเส้นทางรถตู้ เนื่องจากปัจจุบันได้รับผลกระทบจากการเปิดรถไฟฟ้าทำให้มีบางเส้นทางทับซ้อนกัน และขอให้เพิ่มจาก 13 ที่นั่ง เป็น 15 ที่นั่งเหมือนเดิม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังรับฟังปัญหาว่า ตนได้รับทราบปัญหาทั้งหมดแล้ว และได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปจัดทำรายละเอียดเรื่องต้นทุนที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปรับอัตราค่าโดยสารของรถแท็กซี่ ขณะที่กลุ่มรถแท็กซี่และวินเตอร์ไซค์ต้องไปรวบรวมข้อมูลต้นทุน และรายได้ต่อวันที่เพียงต่อการดำรงชีวิต จากนั้นให้นำมาหารือเพื่อแก้ปัญหาอีกครั้งในวันที่ 8 กรกฎาคม 2562
สำหรับแอพพลิเคชั่นแกร็บนั้น เรื่องนี้จะต้องทำให้ถูกกฎหมายภายใน 3 เดือน และไม่ใช่การผูกขาดให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ที่สำคัญบริษัทเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนและเสียภาษีในประเทศไทย เพื่อให้เงินหมุนเวียนในประเทศ อย่างไรก็ตามขณะนี้แกร็บป้ายดำยังไม่ถูกกฎหมาย หากมาให้บริการและถูกจับก็จะถูกดำเนินคดีทุกกรณี ทั้งนี้การแก้ปัญหาดังกล่าวอย่าคิดว่าทำไม่ได้ เพราะทุกเรื่องแก้ไขได้โดยเอาอดีตเป็นบทเรียน
สำหรับกรณีของรถตู้โดยสารนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้กรมการขนส่งฯ ไปศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้รถตู้มีความปลอดภัย รวมถึงให้พิจารณาเรื่องการปรับเพิ่มความเร็วของรถโดยสารว่าควรจะอยู่ที่เท่าไหร่จึงจะมีความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเพิ่มความเร็วรถบนถนนขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไปไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่รถตู้เองก็ต้องไปจัดทำเส้นทางใหม่ที่ต้องการปรับ ซึ่งจะต้องไม่ทับซ้อนกับรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการเปลี่ยนเป็นรถไมโครบัสนั้น ส่วนตัวอยากให้เป็นความสมัครใจมากกว่า เพราะเมื่อเปลี่ยนแล้วต้นทุนจะเพิ่มขึ้น และในที่สุดภาระจะตกกับผู้บริโภค
ส่วนการขอขยายอายุรถตู้เพื่อเปลี่ยนเป็นไมโครบัสนั้น ตนไม่ขัดข้อง หากดูกฎหมายแล้วตนมีอำนาจสั่งการให้ขยายเวลาออกไปได้ก็จะทำทันที ทั้งนี้ได้นัดให้กลุ่มรถตู้มาประชุมหาทางออกอีกครั้งในวันที่ 9 สิงหาคม 2562
