เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้บริหารร้านซิซซ์เล่อร์ ร้านอาหารประเภทสเต็ก ซีฟู๊ด และสลัด สไตล์ตะวันตก ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป สำหรับ “กรีฑากร ศิริอัฐ” พร้อมทั้งนั่งตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานบริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด จำกัด ทำให้ก้าวเดินของซิซซ์เล่อร์จากนี้ไป ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และมุมมองจากผู้บริหารใหม่ป้ายแดงคนนี้
นายกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด เปิดเผยว่า เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งที่ ซิซซ์เล่อร์ อย่างเป็นทางการประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ปกติก็อยู่ไมเนอร์ ดูการเงินกลุ่มธุรกิจอาหารอยู่แล้ว ทั้งพิซซ่า คอมปะนี เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ อยู่แล้ว และปัจจุบันแม้จะมานั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของซิซซ์เล่อร์ แต่ก็ยังดูแลการเงินของร้านอาหารทุกแบรด์ในเครือไมเนอร์เช่นเดิม
เมื่อถามถึงความตั้งใจกับแบรนด์ซิซซ์เลอร์ กรีฑากร บอกว่า ซิซซ์เล่อร์เป็นแบรนด์ที่มีคุณค่าที่สามารถส่งมอบให้ลูกค้า (Value Proposition) ที่ดีอยู่แล้ว และเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเห็นว่ามีคุณค่า (Brand Equity) ทำให้ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ดีและชื่นชอบแบรนด์อยู่แล้ว ประกอบกับเป็นแบรนด์มานานกว่าไมเนอร์ ผลประกอบการค่อนข้างดี และยังเป็นธุรกิจที่ทำกำไรดีสำหรับไมเนอร์ สิ่งที่ต้องทำคือรักษาความเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่าและความชื่นชอบของลูกค้าไว้
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็ว สิ่งสำคัญที่ซิซซ์เล่อร์ต้องทำคือ การปรับตัวเองให้เข้ากับลูกค้ามากขึ้น เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง มีการทำวิจัยความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับเปลี่ยนโดยอิงจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
“อะไรหลายๆ ที่เราเปลี่ยน เราเปลี่ยนจากเบสออนที่ลูกค้าต้องการ เราวิจัยวท่าลูกค้ามีความต้องการหรือชอบแบบนี้ คือ การศึกษาลูกค้ามันค่อนข้างยาก แต่ต้องใช้ความตั้งใจค่อนข้างเยอะ”นายกรีฑากรกล่าว
นอกจากนี้ การที่เทรนด์ลูกค้าซื้อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ห้างเองก็ได้รับผลกระทบทำให้ตัวเลขทราฟฟิกคนเดินห้างลดลง แต่แม้ว่าสาขาของซิซซ์เล่อร์ส่วนใหญ่จะอิงกับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ก็ไม่ได้ทำให้ซิซซ์เล่อร์ได้รับผลกระทบ เพราะจำนวนลูกค้าไม่ได้ลดลง และยังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นผลจากการทำวิจัยผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาโปรโมชั่นที่โดนใจลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนลูกค้าไม่ได้ลดลง แต่ซิซซ์เล่อร์ก็ต้องปรับตัวให้รับกับเทรนด์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการปรับ “ลุคแอนด์ฟีล” ทำให้สดใสมากขึ้น เพราะเมื่อร้านดูดี คนก็มานั่ง บวกกับเวลาคนเข้ามาร้านอาหาร เวลาเห็นคนร้านไหนเยอะๆ โดยธรรมชาติก็จะรู้สึกว่าน่าสนใจ น่านั่ง
ขณะเดียวกัน จากการวิจัยลูกค้าในแต่ละโลเคชั่น ที่พบว่า ธรรมชาติของลูกค้าในแต่ละทำเลมีความแตกต่างกัน ต้องการโปรโมชั่นที่ต่างกัน ทำให้ซิซซ์เล่อร์ต้องทำการตลาดและปรับแคมเปญให้เหมาะกับแต่ละทำเล หรือ โลคอลไลซ์ มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น จากเดิมที่ลักษณะการทำแคมเปญจะเป็นเนชั่นไวด์ หรือทำเหมือนกันทั่วประเทศ
“เราต้องยอมรับว่า แม้เราไปกับศูนย์ใหญ่ในต่างจังหวัด แต่จังหวัดนั้นยังเป็นเมืองรอง ลูกค้ายังไม่เข้าใจแบรนด์มากขนาดนั้น เราก็ต้องทำกิจกรรมเพิ่มเติมมากขึ้น สื่อสารมากขึ้น เพื่อให้เค้าเข้าใจ เอาง่ายๆ รู้จักชื่อแบรนด์ซิซซ์เล่อร์ แต่ไม่รู้ว่าซิซซ์เล่อร์ขายอะไร หรือรู้ว่าขายเสต็ก แต่ไม่รู้ว่ามีสาขาในจังหวัดที่เค้าอยู่หรือเปล่า”นายกรีฑากรกล่าว
จากแนวโน้มทั้งหมดนี้ ทำให้ทิศทางของซิซซ์เล่อร์ จะมุ่งไปใน 3 แนวทางคือ 1.การทำโลคอลไลซ์ มาร์เก็ตติ้ง 2. การให้ความสำคัญกับการจัดส่งถึงบ้านหรือเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มของร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ทั้งหมดที่จะหันมาเน้นช่องทางเดลิเวอรี่มากขึ้น ภายใต้เบอร์ 1112 เพราะการจัดส่งถึงบ้านใช้ต้นทุนน้อยกว่า เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง และเป็นเทรนด์ของลูกค้าในปัจจุบันที่นิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังมองการพัฒนาร้านฟอร์แมตหรือรูปแบบใหม่ ที่ใช้ขนาดพื้นที่เล็กลง เพื่อขยายไปในทำเลที่เป็นชุมชน และมีทราฟฟิกน้อยกว่าห้าง แต่เป็นทำเลที่มีจำนวนลูกค้าที่ซิซซ์เล่อร์อยู่ได้ เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ โดยร้านฟอร์แมตใหม่จะมีพื้นที่เล็กลงเหลือประมาณ 200 ตารางเมตร จากสาขาปกติทั่วไป 300-400 ตารางเมตร ซึ่งการทำร้านไซส์เล็กลงจะทำให้ขยายสาขาได้เร็วขึ้น และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ทั้งหมดนี้คือ วิสัยทัศน์ของแม่ทัพซิซซ์เล่อร์ ที่จะก้าวไป เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า และทลายข้อจำกัดของการเป็นสาขาที่อยู่ในห้างออกมาสู่ทำเลนอกห้าง รวมถึงเดลิเวอรี่เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุดนั่นเอง
