Business

‘สมาร์ทพลัส-สมาร์ทโฮม’ หัวหอกใหม่ ‘ไฮเออร์’ กับกลยุทธ์ไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์แบรนด์

ปักธงชิงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน แบรนด์ไฮเออร์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว 12 ปี และปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของไฮเออร์ ที่จะขยับขยายสู่ธุรกิจใหม่ โดยมุ่งไปที่การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้กลยุทธ์ที่จะมุ่งสู่ไฮเอนด์แบรนด์, สมาร์ทโฮม และ สมาร์ทพลัส

MrZhang
จาง เจิ้งฮุ้ย

นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า หลังจากชูกลยุทธ์ปรับภาพลักษณ์สู่ความเป็นสินค้าไฮเอนด์แบรนด์ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนสินค้าไฮเอนด์แล้ว 25% จากสินค้าทั้งหมดที่จำหน่ายอยู่ คิดเป็นยอดขาย 1,250 ล้านบาทและตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มนี้เป็น 30% ในปี 2563

นอกจากนี้ อีกก้าวสำคัญของไฮเออร์ในปีนี้คือ การรุกตลาดสินค้าไอโอทีอย่างจริงจัง โดยจะเริ่มมีสินค้ากลุ่มไอโอทีออกวางตลาดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในครึ่งปีหลังนี้ เริ่มจากกลุ่มเครื่องปรับอากาศ พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะพัฒนาสินค้าในรูปแบบโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มสมาร์ทโฮม ไม่ว่าจะเป็นไอโอทีในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ เป็นต้น

นายเจิ้งฮุ้ยกล่าวเพิ่มเติมว่า อีกธุรกิจใหม่ในปีนี้คือ การขยายธุรกิจให้บริการร้านเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ภายใต้ชื่อ “สมาร์ทพลัส” โดยเริ่มเปิดร้านแฟลกชิพสาขาแรกแล้วที่ซอยมหาดไทย รามคำแหง ใช้งบลงทุน 1.5 – 2 ล้านบาท มีเครื่องซักผ้าให้บริการ 10 เครื่อง และตั้งเป้าจะเปิดประมาณ 10 สาขาในปีนี้ โดยเป็นการลงทุนเอง รวมทั้งมีแผนเปิดให้ดีลเลอร์ที่สนใจเข้ามาลงทุนได้อีกด้วย จากนั้นจะเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนต่อไป ปีหน้าตั้งเป้าเปิดเพิ่มประมาณ 30-50 สาขา

Smart Plus

สำหรับร้าน สมาร์ทพลัสของไฮเออร์ จะชูจุดขายต่างจากร้านเครื่องซักผ้าอัตโนมัติทั่วไป ที่ใช้แบรนด์อะไรขึ้นอยู่กับเจ้าของธุรกิจ แต่สำหรับไฮเออร์จะเป็นการใช้แบรนด์ไฮเออร์ทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมการบริการหลังการขาย ทำให้ต้นทุนถูกกว่าและสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า โดยมี 4 รูปแบบให้เลือกคือ เอ, บี, ซี และ ดี ราคาเริ่มตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท และมีให้เลือกทั้งการจ่ายเงินด้วยเงินสด ธนบัตรและจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นสมาร์ทพลัสที่จะเริ่มให้บริการในเดือนนี้

ขณะที่ตลาดร้านเครื่องซักผ้าอัตโนมัติในปัจจุบัน บริษัทประเมินว่า ในกลุ่มตั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเป็นคีออสตามชุมชน มีมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท และรูปแบบร้านมูลค่าประมาณ 150-200 ล้านบาท

ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ ปีนี้จะชู 3 สินค้าเรือธงได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้าและตู้เย็น ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมาย เครื่องซักผ้าและตู้เย็น ขึ้นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดภายใน 2-3 ปีจากนี้ ขณะที่เครื่องปรับอากาศ ไฮเออร์ขึ้นเป็นผู้นำอันดับสามแล้ว

Product2019

ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ไฮเออร์ มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 2,593 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้สินค้ากลุ่มทำความเย็นมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น อาทิ เครื่องปรับอากาศมีรายได้ประมาณ 1,544 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50% ตู้เย็นมีรายได้ประมาณ 434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เครื่องซักผ้ามีรายได้ 323 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 38% รวมถึงตู้แช่มีรายได้ 209 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19% และสินค้าชนิดอื่น ๆ มีรายได้กว่า 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน

ในครึ่งปีหลังไฮเออร์ยังคงขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น โดยสินค้าที่จะออกสู่ตลาดจะมีความหลากหลายได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้แช่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โทรทัศน์ เครื่องน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และเตาแก๊ส ด้วยการชูจุดขายด้านคุณภาพ ดีไซน์ และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งจะเป็นจุดแข็งของสินค้าไฮเออร์ ที่จะวางจำหน่ายต่อจากนี้ไป

NaviPlus

พร้อมกันนนี้ ยังได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตตู้แช่, เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และตู้เย็น รวมถึงระบบโลจิสติกส์ รวมเงินลงทุน 500-600 ล้านบาท และวางงบทำตลาดไว้ที่ 300 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจร โดยเป้าหมายในปีนี้จะมีรายได้รวมตั้งอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 50% จากรายได้ 3,300 ล้านบาทในปี 2561

Avatar photo