พีเอฟพีปรับทิศธุรกิจ ขยายไลน์กลุ่มขนมขบเคี้ยว อาหารพร้อมทานซองรีทอร์ทเพาซ์ เจาะตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ วาดเป้า 3 ปี รายได้แตะ 5,000 ล้านบาท
นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร และ นางสาวปิยกาญจน์ ปิยะพัฒนา กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี กลุ่มธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งจากปลาทะเลครบวงจร ร่วมกันเปิดเผยว่า ปีนี้จากปัจจัยเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทปรับแผนธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยง ด้วยการขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงหาตลาดใหม่ๆ เพื่อผลักดันยอดขายปีนี้ให้แตะ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้ 5,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีนับจากนี้
สำหรับแผนการขยายไลน์สินค้าใหม่ จะโฟกัสไปที่ 3 แบรนด์หลักได้แก่ แบรนด์ พีเอฟพี โกลด์ เป็นสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูป ที่จะเน้นเจาะตลาดระดับพรีเมียมในซูเปอร์มาร์เก็ต และโมเดิร์นเทรด รวมถึงตลาดส่งออก, แบรนด์ วีแกรนด์ เป็นกลุ่มอาหารมังสวิรัติพร้อมทาน บรรจุซองรีทอร์ทเพาซ์ ที่สามารถเก็บไว้ได้นานในอุณหภูมิห้อง อาทิ พะแนงเจ และแบรนด์โอ้!อุมิ (Oh!UMI) ซึ่งเป็นการขยายไลน์ไปสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวหรือสแน็กจากอาหารทะเล เน้นจำหน่ายช่องทางออนไลน์
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทมาจากกลุ่มโฟรเซ่นฟู้ด 90% อีก 10% เป็นรายได้จากอาหารพร้อมทาน เช่น แกงซองรีทอร์ท พะแนงเจ และขนมขบเคี้ยว
ทั้งนี้ แบรนด์ที่น่าตื่นเต้น จะเป็นแบรนด์ วีแกรนด์ ที่จะเข้ามาขยายโอกาสสร้างรายได้จากตลาดส่งออก โดยวางเป้าหมายเจาะตลาดหลักไปยังอินเดีย ที่มองว่าเป็นตลาดใหญ่และมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก รวมถึงประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ประกอบกับเทรนด์รีทอร์ทเพาซ์จะเข้ามาแทนที่การบรรจุด้วยกระป๋อง เนื่องจากต้นทุนการจัดส่งถูกกว่าและสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
“เราวางตำแหน่งแบรนด์ที่ชัดเจน โดยพีเอฟพีโกลด์เจาะตลาดพรีเมียม, วีแกรนด์ เน้นอาหารและขนมมังสวิรัติเพื่อสื่อถึงสุขภาพ และโอ้!อุมิ เป็นกลุ่มสแน็กเพื่อสุขภาพ โดยตั้งเป้าชิงแชร์ 14% จากตลาดสแน็กเพื่อสุขภาพมูลค่า 1,400 ล้านบาท”นางสาวปิยกาญจน์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาโครงการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ภายใต้แบรนด์ โอ้!อุมิ ด้วยการร่วมกับเอสเอ็มอีที่มีสินค้าที่ดี อร่อย และเพื่อสุขภาพมาเข้าโครงการผลิตสินค้าเพื่อทำตลาดทั้งในประเทศและส่งออก โดยบริษัทจะใช้คอนเน็กชั่นที่มีอยู่ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ ช่วยขยายตลาดให้ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาของเอสเอ็มอีไทยคือ ผลิตสินค้าที่ดีออกมาแต่ไม่มีตลาดรองรับ
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทพี.เอฟ.พี. ประกอบด้วยบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด, บริษัท อุตสาหกรรมปลาป่นแปซิฟิค จำกัด, บริษัท พี.เอฟ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ที.พี.แปซิฟิค จำกัด และบริษัท พี.เอฟ.พี.อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด