After Shock! แรงกระเพื่อม ส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นถึงระยะกลาง สั่นสะเทือนยอดขาย คอนโด-อสังหาฯ
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองมันดาเลย์ ในประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 มาตราริกเตอร์ ซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1,100 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร โดยได้สร้างแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทย เจอผลกระทบตึกถล่มบางพื้นที่ ตลอดจนอาคารต่างๆ เสียหายมีรอยร้าว
การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนแล้ว ยังส่งผลต่อจิตวิทยาเชิงลบ (Nagative Sentiment) ต่อภาพรวมการลงทุนอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับความเสียโดยตรง เช่น อสังหาริมทรัพย์กลุ่มผู้พัฒนาคอนโดมิเนียม
แรงกระเพื่อมที่จะส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นถึงระยะกลาง
1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคถูกสั่นคลอน ทั้งผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติอาจมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัว การจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะในสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างคอนโดมิเนียมและบ้าน อาจใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะก่อนกลับสู่ภาวะปกติ
2. ความไม่แน่นอนในกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ กลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างรอโอนกรรมสิทธิ์อาจพิจารณาเลื่อนการโอนออกไปเพื่อประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม ในบางกรณีที่ความเชื่อมั่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจนำไปสู่การตัดสินใจยกเลิกสัญญาซื้อขาย ซึ่งอาจกระทบต่อกระแสเงินสดของผู้พัฒนาโครงการ
3. แรงกดดันจากผู้อยู่อาศัยต่อคุณภาพและมาตรฐานโครงการ ผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเริ่มเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้พัฒนาโครงการ ทั้งในด้านมาตรฐานความปลอดภัย การซ่อมแซม รวมถึงมาตรการรับมือในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเร่งให้ภาคธุรกิจต้องปรับมาตรฐานการก่อสร้างและการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้รัดกุมยิ่งขึ้น
ปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้ตลาดคอนโดฯ ปี 2568 แย่ลง ซ้ำเติมสถานการณ์ตลาดที่เผชิญกับการหดตัวของยอดขายมาก่อนหน้านี้แล้ว ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานว่า 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) ยอดขายคอนโคโครงการใหม่ลดลลง 27.3% และ 14.2% ตามลำดับ
ทั้งนี้ มุมมองนักวิเคราะห์ บล. พาย เปิดเผยว่า จากการศึกษาผลกระทบภัยธรรมชาติในอดีตของประเทศไทย ผ่านเหตุการณ์สึนามิในช่วงปลายปี 2547 พบว่าหลังจากเปิดทำการตลาดหุ้นไทยปรับลง 2.2% แต่ใช้ระยะเวลาเพียง 4 วันทำการก็กลับมา ณ ระดับก่อนเกิดสึนามิ
จึงมองว่าผลกระทบจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย ยังค่อนข้างจำกัดต่ออาคารสิ่งปลูกสร้าง คืออย่างน้อยก็ยังไม่ได้เห็นอาคารสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพพังถลายลงมาก อาจมีบ้างเป็นส่วนน้อย เช่น สำนักการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่ส่วนที่เหลือยังค่อนข้างปกติ แต่อย่างไรก็ตาม การที่คอนโดมิเนียมต่างๆ เผชิญกับปัญหารอยแตกร้าวและเสียความเชื่อมั่นจากผู้อาศัย ซึ่งจะกระทบกับอุปสงค์ในอนาคต
คำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ จึงควรระมัดระวังการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักสุด นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มท่องเที่ยวที่มองว่าเป็นจิตวิทยาเชิงลบและมีผลต่อเศรษฐกิจไทย เพราะการมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสลดน้อยลง
ทั้งนี้ เราจึงได้ทำการสำรวจหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นการลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากเหตุการณ์ความเสียหาครั้งนี้ อาทิ
หุ้น ORI: บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
หุ้น AP: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
หุ้น ANAN: บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
หุ้น SIRI: บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
หุ้น PSH: บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
หุ้น SC: บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
หุ้น LH: บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
หุ้น LPN: บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
หุ้น SPALI: บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
หุ้น ASW: บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับรายชื่อหุ้นดังกล่าว เป็นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อใช้ในการประกอบบทความ ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็กที่นี่! คลัง อัปเดต มาตรการช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ปี 2568
- ‘ธนาคารกสิกรไทย’ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
- ธปท. ขอสถาบันการเงิน และ non-bank ช่วยลูกหนี้แผ่นดินไหว
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg