ปตท. เดินหน้าศึกษาแผนลงทุนธุรกิจ “ไฮโดรเจน” ในต่างประเทศ เล็งส่ง “ปตท.สผ.” ลงสนาม พร้อมปรับเป้าหมาย Net Zero แจงราคาหุ้นดิ่ง เพราะหลายปัจจัยกดดัน
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยอมรับว่า กลุ่ม ปตท. อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนด้านธุรกิจไฮโดรเจนในต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคต โดยเฉพาะการนำเข้าไฮโดรเจนจากแหล่งผลิตที่มีต้นทุนการแข่งขันได้
ทั้งนี้ เรื่องไฮโดรเจนที่พูดถึงจะเป็นในลักษณะปริมาณขนาดที่ใหญ่ เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมหรือทดแทนการใช้ถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติในอนาคต เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลกำหนดให้มีการผสมไฮโดรเจนในเชื้อเพลิงอุตสาหกรรมในสัดส่วน 5% ภายในปี 2030
“ปัจจุบันต้นทุนไฮโดรเจนยังสูง จึงอาจต้องเน้นการเลือกซื้อมาหรือขายไปในตลาดต่างประเทศก่อน ซึ่งหากกลุ่มบริษัทสามารถจัดหาแหล่งผลิตได้ในต้นทุนที่ถูกก็จะมีการนำเข้ามาในประเทศไทยผ่านรูปแบบแอมโมเนีย เพราะเป็นทางเลือกที่สะดวกต่อการขนส่งและจัดเก็บ รวมถึงอาจต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการนำเข้าและจัดเก็บ เช่น การลงทุนในระบบท่อส่งหรือถังจัดเก็บอีกด้วย” ดร.คงกระพัน กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นการเข้าลงทุนในธุรกิจไฮโดรเจนในต่างประเทศ กลุ่ม ปตท.จะให้ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) หรือ PTTEP เป็นตัวแทนเข้าไปลงทุน
ดร.คงกระพัน กล่าวอีกว่า กลุ่ม ปตท. อยู่ระหว่างการทบทวนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) เพื่อให้กลุ่มปตท.บรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปพร้อมกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเดิมแต่ละบริษัทในกลุ่มปตท.จะกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน( Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ที่แตกต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละบริษัท
“อย่าง ปตท. กำหนดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15% ภายในปี 2030 ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และ Net Zeroในปี 2050 แต่ไออาร์พีซี (IRPC) กำหนดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20% ภายในปี 2030 Carbon Neutralityในปี 2050 และ Net Zeroในปี 2060
ส่วนความคืบหน้าการหาพันธมิตรเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่มีศักยภาพสูง (TOP, IRPC และPTTGC ) โดยปัจจุบันมีพันธมิตรในต่างประเทศที่สนใจร่วมลงทุนหลายราย ซึ่ง ปตท.ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกพันธมิตรที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจโดยนโยบายหลักคือกลุ่ม ปตท. ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่อยู่ พร้อมคาดว่าปี 68 นี้จะเห็นความก้าวหน้าของเรื่องดังกล่าว
ด้านราคาหุ้น PTT ที่ปรับตัวลดลงนั้น มองว่ามีปัจจัยกดดันหลายส่วน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงาน แต่ในด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) นั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กลุ่ม ปตท. ผนึกพันธมิตรนำเข้าอีเทน เสริมศักยภาพธุรกิจปิโตรเคมี สร้างความมั่นคง
- ปตท. ร่วมต้านภัยแล้งและลดฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศ มอบน้ำแข็งแห้งแก่กรมฝนหลวง
- ปตท. ก้าวขึ้นอันดับสูงสุด Top 1% S&P Sustainability Yearbook 2025
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg