Business

น่าเป็นห่วง!! วิจัยกสิกรไทย คาดค้าปลีกปี 68 โต 3% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดอุตสาหกรรมค้าปลีกปี 2568 มูลค่าราว 4.12 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี จากไตรมาส 4/2567 เติบโต 3.8% มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยได้น้อย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง ค้าปลีกปี 2568 ยังคาด โต 3 % ต่าสุดในรอบ 4 ปี โดยระบุว่า ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกปี 2567 มีมูลค่าราว 4.12 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.8% ต่ำกว่าที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ที่ 4% เล็กน้อย

วิจัยกสิกรไทย

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า และผลของเหตุการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงในหลายพื้นที่ ทำให้ได้รับความเสียหาย และผู้บริโภคอาจมีการใช้จ่ายอย่างประหยัด จึงทำให้ทั้งปี 2567 ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกเติบโต 3.8%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมองว่า ยอดขายค้าปลีกปี 2568 จะขยายตัว 3% ชะลอลงจากปีก่อน และต่ำสุดในรอบ 4 ปี หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 4.25 ล้านล้านบาท จากหลายปัจจัยเสี่ยง ดังนี้

  • การเติบโตของยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีความไม่แน่นอน

สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retail Sale Index: RSI) เดือนมกราคม 2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 หลังจากที่ขยับขึ้นไปเกินที่ระดับ 50 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงจากช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลปีใหม่ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับเสี่ยงต่อสุขภาพ

  • ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนต่อยอดขายและความเชื่อมั่น

ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนต่อยอดขายและความเชื่อมั่นของธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคยังต้องวางแผนใช้จ่ายอย่างรัดกุม รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องในฝั่งผู้ประกอบการ ทั้งกับคู่แข่งในประเทศและต่างประเทศผ่านสินค้านำเข้า

1 2

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนยอดขายบางส่วน และบางกลุ่มสินค้า

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt (E-Tax) หรือการแจกเงินเฟส 3 (Digital Wallet) ช่วยกระตุ้นยอดขายของค้าปลีกให้เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมไม่มาก

  • มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt

หนุนยอดขายบางส่วนให้กับค้าปลีกโมเดิร์นเทรด แต่ภาพรวมน่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้น้อยกว่าปีก่อน โดยเฉพาะเงื่อนไขของการใช้จ่ายกลุ่ม 2 หมื่นบาท ในหมวดสินค้า OTOP หรือผ่านร้านค้าวิสาหกิจชุมชน ที่อาจจะเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงและเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค

ทั้งนี้ สินค้าที่จะได้รับอานิสงส์ส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มอาหารและของใช้ส่วนตัวที่เป็นสินค้าจำเป็น รวมถึง
เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องมือสื่อสาร ที่ผู้บริโภคมีแผนที่จะซื้อ/เปลี่ยนรุ่นใหม่

  • มาตรการแจกเงินเฟส 3 (Digital Wallet)

แม้จะช่วยหนุนยอดขายค้าปลีกช่วงปลายไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ แต่คาดว่า ผู้บริโภคน่าจะนำเงินดิจิทัลที่ได้จากภาครัฐ มาใช้จ่ายซื้อสินค้าแทนเงินของตัวเอง จึงทำให้ในภาพรวมของยอดขายค้าปลีกอาจจะเพิ่มขึ้น
ไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้จ่ายสินค้าเหล่านี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัว

แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามปัจจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะความพร้อมของระบบการใช้งาน กรอบเวลาของโครงการว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขของมาตรการฯ ทั้งในแง่ของรายการสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วม

3 2

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ยอดขายโมเดิร์นเทรด ในปี 2568 โต 4.8% แต่รายได้ของผู้ประกอบการแต่ละ Segment จะฟื้นตัวต่างกัน ดังนี้

  • กลุ่มที่ดีขึ้นกว่าช่วงโควิด

ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

  • กลุ่มที่ทยอยฟื้นตัวแต่ยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนโควิด

ร้านขายปลีกเสื้อผ้า/รองเท้า ร้านขายปลีกเฟอร์นิเจอร์ และห้างสรรพสินค้า เนื่องจากจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถเลื่อนการตัดสินใจซื้อไปก่อนได้

4 5

บทวิเคราะห์โดย: วรรณวิษา ศรีรัตนะ ผู้บริหารงานวิจัย 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo