Economics

‘รัฐ-เอกชน’ ถกแนวคิด ‘โครงสร้างค่าไฟใหม่’ เน้นเป็นธรรมทุกภาคส่วน

รัฐ-เอกชน ตั้งวงเสวนา ถกโครงสร้างค่าไฟใหม่ เน้นเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน สนพ.ระบุ โลกเปลี่ยน ปรับทิศชี้วัดใหม่ จับเกณฑ์ไฟฟ้าดับไม่เกิน 17 ชั่วโมง ต่อปีเป็นฐานคิดไฟฟ้ามั่นคง ด้านเอกชนเสนอเลิกระบบเอฟที หันส่งเสริมทางเลือกผู้ประกอบการ ดันใช้เทคโนโลยีใหม่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดต้นทุน

วันนี้ ( 25 เม.ย.) หลักสูตรด้านวิทยาการพลังงานสำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 (วพม.2) ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน จัดงานเสวนาพิเศษในหัวข้อ ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมต้องทำอย่างไร ณ Synergy Hall ชั้น 6 เอเน เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร C โดยมีนายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายด้านกิจการไฟฟ้าของประเทศ”

โครงสร้างค่าไฟใหม่

นอกจากนี้ ยังมีวิทยากรร่วมเสวนาหัวข้อ “ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร” ประกอบด้วย นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ วิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

นายวีรพัฒน์ ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ หรือ PDP 2024 (พ.ศ.2567-2580) อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพยากรณ์ และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะเปิดรับฟังความเห็นต่อไป

 3 แนวทางหลักจัดทำแผน PDP 2024

  • เน้นความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ ครอบคลุมทั้งระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้า และความมั่นคงรายพื้นที่โดยคำนึงถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเข้ามา ทำให้ระบบไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นเพียงพอต่อการรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
  • ต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งมีเสถียรภาพ สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ประชาชนต้องไม่แบกรับภาระอย่างไม่เป็นธรรม และเตรียมพร้อมระบบไฟฟ้าให้เกิดการแข่งขัน และการบริหารจัดการ เพื่อนำการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Energy Resource : DER) มาใช้ให้เกิดประโยชน์
  • จำกัดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไฟฟ้า ทั้งด้านการผลิตและการใช้ และนำเทคโนโลยีระบบโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริดมาใช้อย่างเต็มที่

โครงสร้างค่าไฟใหม่

ทางด้านการชี้วัดความมั่นคงของแผน ใช้เกณฑ์โอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) ต้องไม่เกิน 0.7 วันต่อปี หรือไม่เกิน 17 ชั่วโมงจาก 8,760 ชั่วโมงจากเดิมใช้เกณฑ์กำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin)

ส่วนเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียนใหม่ ปลายแผน หรือ พ.ศ.2580 ต้องมีสัดส่วนการผลิตไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ตามแนวนโยบายของแผนพลังงานชาติ

นอกจากนี้ ยังกำหนดเป้าหมายของมาตรการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ( Demand response ) 1,000 เมกะวัตต์ และมาตรการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) โดยใช้ DER รองรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะ โดยมีการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทยมาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานจากการมีผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองมากขึ้นในอนาคต

ส่วนโรงไฟฟ้าใหม่และเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำมาพิจารณาในแผน อาทิ โรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับ รับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากต่างประเทศ โซลาร์ โซลาร์ลอยน้ำ และโซลาร์บวก ด้วยระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) มีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นทางเลือก

เทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาเป็นทางเลือก อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage ) และเทคโนโลยีแอมโมเนีย โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในภาคการผลิตไฟฟ้าลดลงเหลือ 41.5 ล้านตันคาร์บอนในปี 2593 ตามตัวเลขของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.)

ความท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยหันมาใช้พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ต้นทุนยังสูง และไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอดเวลาจำเป็นต้องมีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อทำให้ระบบมีความมั่นคง เนื่องจากตัวเลขการใช้ไฟฟ้าที่ติดตามมาตลอดพบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วง 2 ปีมาอยู่ในเวลากลางคืน ยกตัวอย่างในระหว่าง 22-24 เมษายน 2567 ที่ผ่านมาเกิดหลังเวลา 21.00 น.  ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ไม่สามารถรองรับได้

โครงสร้างค่าไฟใหม่

ในช่วงการเสวนาหัวข้อ “ค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม ต้องทำอย่างไร” นายคมกฤช เลขาธิการ กกพ.ระบุว่า ความเป็นธรรมประกอบด้วย 3 ส่วนที่ต้องคำนึงถึง คือ อัตราค่าบริการและความเสี่ยง  ความมั่นคงและคุณภาพ และนโยบายไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งค่าไฟฟ้าจะถูกหรือแพง อยู่ภายใต้นโยบายและแผน เพราะโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องต้องใช้การวางแผนล่วงหน้า ไม่สามารถมาปรับได้ภายในเวลา 1-2 วัน

ต้องยอมรับว่า ค่าเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะ LNG นำเข้าที่มีความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งไม่เฉพาะราคาที่เหมาะสมเท่านั้นที่ต้องคำนึงถึงมีเรื่องคุณภาพเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย

นอกจากนี้ ยังต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆมารองรับ เช่น สถานีกักเก็บ และแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ (LNG Terminal) กกพ.ในฐานะกำกับดูแล จะดูอัตราผลตอบแทนอย่างเหมาะสมในทุก ๆ จุด

องค์ประกอบของโรงไฟฟ้า ไม่ได้มีเฉพาะโรงไฟฟ้าที่พร้อมเดินเครื่องเท่านั้น แต่ยังมีโรงไฟฟ้ารองรับกรณีฉุกเฉินด้วย เช่น โรงไฟฟ้าบางปะกง ราชบุรี และกระบี่ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง และระบบของไทย ก็เป็นไฟฟ้าราคาเดียวกันทั้งประเทศ ที่ต้องเกลี่ยต้นทุนกันของ 3 การไฟฟ้า

สำหรับระบบไฟฟ้าของแต่ละประเทศต่างมีแนวนโยบาย ที่จะดูแลกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เวียดนาม มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสัดส่วนสูง แต่ก็มีไฟฟ้าตกดับบ่อย มีการอุดหนุนค่าไฟให้กับกิจการขนาดใหญ่ แต่ก็ปล่อยราคาสะท้อนต้นทุนกับกิจการขนาดกลาง ส่วนสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ มีทรัพยากรไม่มากนัก ก็ใช้ระบบเปิดเสรีราคาเป็นไปตามกลไกตลาด

ส่วนนายวฤต  ผู้ช่วยผู้ว่าการ วิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ กฟผ. ระบุว่า การผลิตไฟฟ้า มี กกพ. ตรวจสอบ และกำกับดูแลในทุกขั้นตอน ทั้งก่อนเดินเครื่อง ระหว่างเดินเครื่อง และหลังเดินเครื่องแล้วทุกขั้นตอน กฟผ.ต้องรายงานต่อ กกพ. รวมถึง ศูนย์ควบคุมระบบส่งและจำหน่าย รวมถึงมีการแยกแยะบัญชีโรงไฟฟ้าตามใบอนุญาตที่กกพ.ออกให้

โครงสร้างค่าไฟใหม่

สำหรับแนวทางที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนนั้น เบื้องต้นต้องเคลียร์ต้นทุนของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาให้ชัดเจน เพื่อพิจารณาการอุดหนุน และเงื่อนไขที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ภาระไปตกอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะภาคประชาชน

อย่างไรก็ตามบริบทของสังคมเปลี่ยนไป ทั้งนี้มีข้อเสนอว่า อัตราค่าไฟฟ้าที่คิดตามช่วงเวลาการใช้งานของผู้ใช้ไฟฟ้า (Time of Use Tariff :TOU) เพื่อกระจายช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำกันมานานนับสิบปี ก็ควรจะปรับเปลี่ยนด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าก็เปลี่ยนไป

ทางด้าน นายวุฒิกร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ  ปตท. กล่าวว่า ในส่วนของก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้านั้น ปัจจุบันต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้มากขึ้น แต่ก็ถือว่าราคา LNG ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ยกเว้นในช่วงเกิดสงครามรัสเซียยูเครน ที่ทำให้ราคากระโดดขึ้นไปมาก ปัจจุบันอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาก๊าซฯ ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โดย ปตท. มีสถานะเป็นผู้นำเข้ารายหนึ่งที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ. ยังมีผู้นำเข้าอีกหลายราย

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การผลิตไฟฟ้ามีการลงทุนสูง ขณะเดียวกันยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของไฟฟ้าด้วย ซึ่งไทยมีการพัฒนาระบบไฟฟ้ามาไกล จนไม่สามารถยอมรับให้มีไฟฟ้าตกดับได้ แต่การผลิตไฟฟ้านับวันก็มีความท้าทายมากขึ้นตามลำดับ เพราะโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล และ AI ที่จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าโตอีกเป็นเท่าตัว

หัวใจสำคัญคือการผสมผสานที่สมดุลระหว่างการเปิดให้มีการแข่งขันเสรี กับระบบการกำกับดูแล ซึ่งทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยนโยบายที่ต้องพิจารณาในเรื่องราคาที่ต้องสะท้อนต้นทุน เพื่อไม่ให้เกิดภาระกับประเทศในระยะยาว รวมถึงการเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน รองรับพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้ามามากขึ้น ที่สำคัญคือการสื่อสารกับประชาชน

ดร.ชนะ นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย ย้ำว่า ไฟฟ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ และไฟฟ้าตกดับเพียง 1 นาทีกระทบเป็นเงินถึง 500,000 บาทต่อครั้ง

ปัจจุบันโรงงานปูนซิเมนต์ที่สระบุรีจึงนำเทคโนโลยีผลิตพลังงานใช้เองมาใช้มากขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างกันในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ต้นทุนค่าซื้อไฟฟ้าลดลง เหลือซื้อจากระบบของการไฟฟ้า 12,000-13,000 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาท ที่เหลือ 40% ผลิตใช้เอง ซึ่งพร้อมเป็นโมเดลให้ทุกภาคส่วนได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้

โครงสร้างค่าไฟใหม่

กระนั้นก็ตาม เสนอว่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา นโยบายต้องปรับให้ทัน ยกตัวอย่างค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) ที่ปรับทุก 4 เดือนเห็นควรให้ยกเลิก และหันมาสนับสนุนการกักเก็บพลังงาน ( Energy Storage) ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนโหลดของผู้ใช้ รวมถึงสร้างทางเลือกการซื้อขายไฟฟ้าได้หลายแหล่งและหลากหลาย

นายนที ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นจำเลยสังคมมาโดยตลอด เพราะการสนับสนุนในช่วงแรกจากระบบการให้ส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้าทำให้ต้นทุนของระบบสูง แต่หากรัฐไม่อุดหนุน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของไทยก็ไม่สามารถเดินหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้

สิ่งที่ต้องการเสนอเพื่อทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของระบบลดลง คือ การกันงบประมาณแยกต่างหากสำหรับสวัสดิการที่ให้กับประชาชน เช่น ไฟฟ้าสาธารณะ เงินอุดหนุนการลงทุนโรงไฟฟ้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo