“นภินทร” ยันกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจพิจารณาใช้มาตรการห้ามนำเข้าข้าวโพดที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ย้ำต้องคำนึงผลกระทบให้รอบด้าน-ไม่ผิดกฎกติกาการค้าโลก ที่นำไปสู่การตอบโต้ทางการค้า
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข้อเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการห้ามนำเข้าข้าวโพดที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ว่า เรื่องนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาว่าจะมีมาตรการออกมาดำเนินการได้หรือไม่
จากการพิจารณา พบว่า กระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 ที่ให้อำนาจ รมว.พาณิชย์ โดยอนุมัติของ ครม. กำหนดให้สินค้าใดต้องห้ามนำเข้าได้ รวมถึงข้าวโพด แต่การพิจารณานำมาใช้ ต้องคำนึงถึงกฎ กติกา การค้าระหว่างประเทศ และผลกระทบอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า การนำมาตรการมาใช้ ต้องใช้แบบเท่าเทียมกัน ทั้งสินค้าในประเทศ และสินค้าจากเพื่อนบ้าน หรือถ้าจะยกเว้นโดยใช้หลักปกป้องชีวิตหรือสุขภาพมนุษย์ พืช สัตว์ ที่ไม่ใช่เพื่อการกีดกันทางการค้า ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการเผาที่เกิดขึ้นมาจากภายนอกประเทศเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจจุดความร้อน พบว่า ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา จุดความร้อนมีทั้งในเพื่อนบ้านและในไทย และยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจุดเผาในประเทศ ไม่ได้ก่อให้เกิด PM 2.5
ดังนั้น หากห้ามนำเข้าข้าวโพดจากเพื่อนบ้านที่มีการเผา ก็จะถูกมองว่าเป็นการกีดกันทางการค้า และอาจถูกฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ และหากแพ้ ก็ต้องชดเชยทางการค้า เช่น กรณีที่ไทยถูกฟ้องกรณีห้ามนำเข้าบุหรี่ โดยระบุว่าสารเคมีในบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไทยได้ยกเลิกมาตรการก่อนที่จะมีการตัดสินก็เลยยังไม่ต้องชดเชยใด ๆ
นอกจากนี้ หากมีการนำมาตรการมาใช้ อาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ที่ขณะนี้กำลังออกสู่ตลาด และส่งออกไปจีนได้ เนื่องจากต้องอาศัยเพื่อนบ้านในการส่งผ่าน และอาจจะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ เพราะไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดปีละ 8.37 ล้านตัน ผลิตได้ 4.98 ล้านตัน ต้องนำเข้าอีก 3.39 ล้านตัน
หากนำเข้าไม่ได้ ก็ต้องใช้วัตถุดิบอื่น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และเกิดปัญหาต่อเนื่องกระทบไปยังค่าครองชีพของประชาชนที่จะเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ เคยได้หารือกับประเทศเพื่อนบ้านไปแล้วช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน โดยชักชวนให้ลดการเผา และให้หาทางใช้ประโยชน์จากซังข้าวโพดผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผลิตเป็นอาหารโค หรือวัสดุในเชิงพลังงานชีวมวล
ขณะที่ทางไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว และยังจะผลักดันเกษตรกรในประเทศไทยให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องเผา และปัญหาฝุ่น PM 2.5
สิ่งที่ผมเสนอ คือ การแก้ปัญหาโดยการเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ให้สิ่งเหลือใช้ที่เป็นต้นเหตุในการเผานั้นมีมูลค่า คุ้มค่าที่เกษตรกรไทย และเพื่อนบ้านจะลงแรง ลงเงินสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งนั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เดินหน้าลดฝุ่น PM2.5 ‘ซีพีเอฟ’ ผนึก ‘กรุงเทพโปรดิวซ์’ เปิดแอปฯ ฟ.ฟาร์ม แจ้งเบาะแสเผาแปลงข้าวโพด
- นายกฯ ลั่น รัฐบาลซีเรียส! จ่อห้ามนำเข้าข้าวโพดชาติเพื่อนบ้าน ช่วงพีค ‘ฝุ่น PM2.5’
- ‘ธรรมนัส’ นั่งหัวโต๊ะถกแนวทางป้องกันเผานาข้าว-ข้าวโพด-อ้อย แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg