“เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วจะ Disrupt ทุกสิ่ง ต้องดูว่าจะเร็วและแรงแค่ไหน” คือโจทย์หลักที่ทำให้ “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลุกขึ้นมาตี่นตัวเรียนรู้พัฒนาทีมงานและองค์กร เพื่อให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในยุคเทคโนโลยี
สิ่งที่ซีอีโออนันดาฯได้ทำด้วยตัวเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และเตรียมความพร้อมให้กับทีมบริหารบริษัทก็คือ การนำตัวเองและทีมบริหารอนันดากว่า 20 คน ไปเรียนรู้แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ Singularity University ศูนย์แห่งการเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจากซิลิคอนวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา ซึ่ง ชานนท์ ย้ำว่า “เป็นอะไรที่เทคกี้มาก” เพราะมันคือเรื่องของเทคโนโลยีล้วนๆ คือเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลก เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเร็วและแรงขนาดไหน อาจเปลี่ยนไปจนคาดไม่ถึง และจะเห็นว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตในทุกเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ
จัดสัมมนาขับเคลื่อนสังคมรู้เท่าทันเทคโนโลยี
ไม่เพียงสร้างความพร้อมให้ทีมงาน แต่ซีอีโออนันดา ยังให้ความสำคัญกับการร่วมเสริมสร้างความรู้ให้กับสังคมควบคู่ไปด้วย โดยล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตรจัดสัมมนาระดับโลกเป็นครั้งแรกในไทยด้วยเวที ”SingularityU Thailand Summit 2018” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อปั้นนักคิด นักพัฒนานวัตกรรม เตรียมความพร้อมสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงยุค 4.0 ซึ่ง ชานนท์ บอกว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้เป็นการทำ Social Enterprise หรือธุรกิจเพื่อสังคม โดยความร่วมมือกับ 4 พันธมิตรหลัก คือ ธนาคารไทยพาณิชย์, ทรู คอร์ปอเรชั่น, เมืองไทยประกันชีวิต, ปตท. และอนันดาเป็นความร่วมมือของ 5 องค์กรที่ร่วมสปอนเซอร์รายละ 15 ล้านบาทรวมเป็นเม็ดเงิน 75 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมเพิ่มพูนความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีให้กับสังคม
งานสัมมนานี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2561 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบ็งคอก ประกอบด้วยหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI-Artificial Intelligence) วงการแพทย์ยุคดิจิทัล อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการเงิน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลก ซึ่งเป็นการนำมันสมองระดับโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนในเวทีสัมมนาที่เมืองไทย ซึ่งถือเป็นการจัดเจ้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซีอีโออนันดา กล่าวว่า เทคโนโลยีคือปัจจัยที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การพัฒนาประเทศเราอาจวางแผน 10 ปี 20 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่การไหลบ่าของเทคโนโลยี เราไม่อาจประเมินเวลาที่ชัดเจนได้ ดังเช่นการ Disrupt ของหลายๆ ธุรกิจที่เกิดขึ้นแล้ว การหายไปจากตลาดของเครื่องโทรศัพท์มือถือบางยี่ห้อ ล่าสุดรุกคืบสู่งานครีเอทีฟ เช่น โซนี่มิวสิค กำลังจะออกอัลบัมเพลงใหม่ที่แต่งโดย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเห็นว่าเทคโนโลยีกำลังเข้ามาแทนที่ได้แทบทุกสิ่ง
เกาะติดเมกะโปรเจ็ครัฐจุดเปลี่ยนการลงทุน
เมื่อย้อนมองมาที่การพัฒนาประเทศ แผนพัฒนาประเทศไทยขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน *ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี ประกอบด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี (2560-2579) วงเงินรวมกว่า 8.95 แสนล้านบาท มีทั้งการพัฒนารถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง รถไฟรางคู่ ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการคมนาคมทางน้ำ โครงการพัฒนาศูนย์ขนถ่ายสินค้าและสนามบิน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ อาทิ โซนนอกเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เขตชานเมือง รวมถึงต่างจังหวัด โดยเฉพาะเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายรุกคืบเข้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เปิดโครงการรองรับตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นับตั้งแต่กรุงเทพฯ เปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อปี 2542 และต่อมารถไฟฟ้าใต้ดินเปิดให้บริการในปี 2547 จากวันนั้นการให้บริการยังกระจุกตัวอยู่ใจกลางเมือง วันนี้เส้นทางรถไฟฟ้าเริ่มขยายออกรอบนอกเมือง และคาดการณ์ว่าในปีนี้ กรุงเทพฯ จะมีรถไฟฟ้า 5 สาย 87 สถานี รวมระยะทาง 121.6 กิโลเมตร สิ่งที่มาพร้อมกับการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า คือ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเมือง และตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทำเลตามแนวรถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลทอง ยิ่งใจกลางเมืองก็ยิ่งเป็นทำเลทองฝังเพชร ที่นับวันราคาที่ดินมีแต่จะพุ่งขึ้นมหาศาล ทั้งยังเปลี่ยนวิถีชีวิต และรูปแบบการอยู่อาศัยของคนในเมือง ให้กลายเป็น “Vertical Living” หรือการอยู่อาศัยในแนวดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และในปี 2570 เป็นปีสุดท้ายของแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลานั้นกรุงเทพฯ จะมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 11 สาย 297 สถานี ระยะทางรวม 466.1 กิโลเมตร
โดยแผนธุรกิจของอนันดาฯ จะสืบเนื่องมาจากการพัฒนาของระบบรถไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตประชากรจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนก็จะเพิ่มมากขึ้น ปัญหาการจราจรติดขัดยิ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อนันดาฯ ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่จะมุ่งมั่นสู่ Urban Living Solutions อันเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงและมีความสะดวกสบายในการเดินทางจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลง พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบายสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของคนเมือง
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วจะ Disrupt ทุกสิ่ง ต้องดูว่าจะเร็วและแรงแค่ไหน
UrbanTech เป้าหมายการพัฒนาอสังหาฯ
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อให้ตอบสนองความต้องการรอบด้านของผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ตั้งแต่ขั้นตอนของการก่อสร้าง การบริการหลังการขาย สิ่งอำนวยความสะดวกสบายสำหรับประจำวันภายในบ้านด้านต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการมากยิ่งขึ้น ดังเช่นแนวคิดในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่ UrbanTech ของอนันดาฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสู่ความเปลี่ยนแปลงด้านบวกของโลกผ่านกระบวนการคิดแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนโฉมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้อย่างคาดไม่ถึง ผู้ประกอบการต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อให้ทัน และสร้างรากฐานธุรกิจอสังหาฯ เติบโตไปเรื่อยๆ และไม่หยุดนิ่ง เป็นการลดต้นทุนแต่ยังสร้างคุณค่าให้กับสิ่งแวดล้อม
ต้องยอมรับว่าเทรนด์โลกปัจจุบัน นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีส่วนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า AI ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวงกว้างในทุก ๆ ด้าน มีการคาดการณ์ว่า AI จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วขยายตัวได้ถึง 1.7 เท่า ในปี 2578 และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานโลกได้ถึง 30-40% โดยแวดวงที่ AI เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในปัจจุบัน ได้แก่ แวดวงการเงิน แวดวงการแพทย์ และแวดวงธุรกิจ โดยมีการใช้ AI จัดเก็บข้อมูลเพื่อรับทราบพฤติกรรมมนุษย์ นำไปสู่การนำเสนอสินค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย
“เราคาดว่าในระยะเวลา 5-10 ปีต่อจากนี้ เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และยังมีผลต่อกระบวนการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น วิธีการก่อสร้าง การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ ที่จะเข้ามาบูรณาการการใช้ชีวิต สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดเวลา มีนวัตกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เรียกว่าเทคโนโลยีจะเข้าไปมีบทบาทในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต”