“พาณิชย์” กำชับห้างขายน้ำตาลราคาเดิม จนกว่าสต๊อกเก่าจะหมด ก่อนปรับราคา ส่วนสินค้าที่ต้องใช้น้ำตาลพิจารณาขึ้นราคาตามเหตุผล
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดี กรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกประกาศ ปรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่ เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 4 บาท
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือไปยังห้างค้าส่งค้าปลีก ผู้จำหน่ายน้ำตาลทรายทุกราย ให้จำหน่ายน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในสต๊อกในราคาเดิมจนกว่าสต๊อกเก่าจะหมด และจัดให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และเติมสินค้าบนชั้นวางอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้ามีเพียงพอ ของไม่ขาด
ส่วนผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า กรมจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นส่วนผสม แต่ละชนิดมีผลกระทบแตกต่างกัน เพราะใช้น้ำตาลทรายในสัดส่วนที่แตกต่างกัน
สำหรับกรณีเป็นสินค้าควบคุม เช่น นมสด ปลากระป๋อง ถ้าผู้ผลิตจะขอปรับราคา ก็ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยจะดูตามสัดส่วนการใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนส่วนอื่น ๆ ด้วย เพราะบางสินค้าแม้ต้นทุนน้ำตาลทรายจะเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนอื่น ๆ อาจจะลดลงก็ได้
ในกรณีสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำหวาน ขนมหวาน การกำหนดราคาหรือปรับราคา ก็ต้องสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งกรมจะติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้า การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทางสายด่วน 1569 โดยการตรวจสอบจะยึดหลักสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น ทั้งฝ่ายผู้ประกอบการ และผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม กรมฯ เชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่คงไม่อยากที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค กรณีจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าก็ควรพิจารณาให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด
สุดท้ายขอเน้นย้ำไปยังผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าทุกราย ห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หากพบจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ขึ้นราคาน้ำตาลทราย’ กิโลกรัมละ 4 บาท มีผลวันนี้ ด้านพาณิชย์ ย้ำอย่าผลักภาระให้ประชาชน
- จับตาน้ำตาลราคาพุ่ง หลังอินเดียจ่อห้ามส่งออก ฉุดปริมาณในตลาดโลกลด
- ส่งออกน้ำตาลไทยคึกคัก คาดการณ์มีมูลค่าสูงถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2566