Business

ขาซิ่งพึงระวัง กทม.ติดกล้อง 8 จุด นำร่องจับรถวิ่งบนทางเท้า เร่งสำรวจต้นไม้ใหญ่ทั่วกรุง

กทม. เตรียมติดตั้งกล้องตรวจจับปรับรถวิ่งบนทางเท้า 8 จุด พร้อมลุยสำรวจต้นไม้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงป้องกันปัญหาล้มโค่น 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัญหารถวิ่งบนทางเท้านั้น ปัจจุบันเขตจะมีการจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจออกตรวจพื้นที่อยู่แล้ว แต่การให้เทศกิจไปเดินจับคนขี่มอเตอร์ไซต์บนทางเท้า อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้เต็มที่ ซึ่งทั้ง 50 เขต มีจุดหลักประมาณ 77 จุด

รถวิ่งบนทางเท้า

นอกจากเทศกิจลงพื้นที่ตรวจแล้วก็จะมีการติดตั้งกล้องช่วย ในการจับปรับผู้กระทำผิดด้วย เบื้องต้นจะติดตั้งกล้อง 8 จุดก่อน โดยกล้องสามารถตรวจจับ และอ่านทะเบียนรถได้เลย สามารถนำมาปรับได้เลย เพราะเทศกิจมีอำนาจในการปรับรถขับขี่บนทางเท้า ซึ่งอัตราสูงสุดจะอยู่ที่ 5,000 บาท แต่ตอนนี้ปรับอยู่ 2,000 บาท

จริง ๆ ไม่ได้อยากได้เงินค่าปรับ เพราะรู้ว่าทุกคนก็เดือดร้อน แต่อยากให้ทางเท้าเป็นทางเท้าจริง ๆ หัวใจคือ ความมีระเบียบและวินัย ถ้าให้มีการทำผิดซ้ำ ๆ ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นได้

นอกจากนี้จะขอความร่วมมือไปยังบริษัทส่งอาหาร หรือสิ่งของ ให้กำชับพนักงานหรือไรด์เดอร์ รวมถึงมีการอบรมหรือมีมาตรการแจ้งพนักงานเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม

ชัชชาติ
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาที่ต้องคิด คือ การก่อสร้างที่มีการปิดถนนยาว ๆ ทำให้รถจักรยานยนต์ไปกลับรถไกล มีทางไหนที่จะทำให้สะดวกขึ้นไหม เช่น การเปิดช่องให้กลับรถไม่ไกล เป็นต้น

ส่วนกรณีวินมอเตอร์ไซต์บนฟุตบาทที่ได้รับอนุญาตมานานแล้วนั้น ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,000 กว่าจุด ก็ต้องดูว่าจะเอาออกจากฟุตบาทไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เบื้องต้น ขอให้ไม่ขับบนฟุตบาท ให้จูงรถลงมาจากฟุตบาท และขึ้นข้างล่าง ช่วยทำให้ผู้ใช้ทางเท้าได้รับความปลอดภัยมากขึ้น

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีต้นไม้ล้มในพื้นที่เขตปทุมวันเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย. 2666) ว่า จากข้อมูลเดิมในพื้นที่กรุงเทพฯ มีต้นไม้ทั้งหมดประมาณ 3 ล้านต้น ทั้งต้นเล็กและต้นใหญ่ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ริมถนนที่สำนักงานเขตดูแล และในสวนสาธารณะที่สำนักสิ่งแวดล้อมดูแล

ต้นไม้

ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ไม่มีรุกขกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ที่แท้จริง แนวทางหนึ่งคือ การมีรุกขกรประจำเขต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมรุกขกร

จากเหตุต้นไม้ล้มที่เขตปทุมวัน ขณะนี้ต้องทำการตรวจสอบต้นไม้ที่เหลืออยู่ โดยจะขอความร่วมมือจากสมาคมรุกขกรในการดำเนินการ และในปี 2567 จะมีการขอจัดสรรงบประมาณตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 4 หมื่นต้น เพื่อเป็นฐานข้อมูล

ทั้งนี้ จะดำเนินการ 2 เรื่องขนานกันไป เรื่องแรก คือ สำรวจต้นไม้ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่เขตก่อน โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินการ และให้คนที่มีความเชี่ยวชาญไปตรวจสอบสภาพราก อีกเรื่องคือ การเสริมสร้างบุคลากร มีการอบรมรุกขกรเพื่อให้มีประจำทุกเขต

สำหรับการตรวจสอบความแข็งแรงของต้นไม้นั้น ผู้เชี่ยวชาญจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจ แต่หากมีความจำเป็นกรุงเทพมหานครก็อาจต้องเตรียมไว้ นอกจากนี้ในการปลูกต้นไม้ก็ต้องเลือกต้นไม้ที่เหมาะสม และมีการดูแลต้นไม้เก่าให้ดีด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo