องค์การเภสัชฯ พัฒนา ‘ไซทิซีน’ ยาเลิกบุหรี่ เตรียมขึ้นทะเบียนอย. ออกจำหน่าย ม.ค. ปี 67 ช่วยประหยัดงบ ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2564 พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ถึง 9.9 ล้านคน และเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย มียา 5 รายการ ที่ใช้สำหรับเลิกบุหรี่ ได้แก่ ยาเม็ด Varenicline, ยาเม็ด Bupropion , นิโคตินทดแทน (Nicotine replacement therapy), ยาเม็ด nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว โดยปัจจุบันมีเพียงยา 2 รายการ ที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาเม็ด nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว
ไซทิซิน ยาเม็ดเลิกบุหรี่ อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนอย.
ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยผู้ที่ติดบุหรี่ให้เข้าถึงยาเลิกสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดการเกิดโรคดังกล่าว องค์การเภสัชกรรม ได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ คือ ยาเม็ด ไซทิซิน จีพีโอ (1.5 มิลลิกรัม) เป็นรายแรกในประเทศไทย
สำหรับยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ โดยองค์การเภสัชกรรม ร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศึกษาวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ ผลการวิจัยมีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลดี ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเภทยาควบคุมพิเศษ ที่จำหน่ายได้ในสถานพยาบาลเท่านั้น
ออกขาย ม.ค. ปี 67 เฉพาะในสถานพยาบาล
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า หากเปลี่ยนมาใช้ยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ มาใช้ในการรักษาแทนการรักษาในปัจจุบันที่ใช้ยาเม็ด Varenicline จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่ายาต่อคอร์ส และลดระยะเวลาในการรักษาได้ 3-4 เท่า รวมทั้งลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี โดยองค์การเภสัชกรรม จะเริ่มผลิตจำหน่ายยาในเดือน มกราคม 2567
การมียาเลิกบุหรี่คุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองโดยองค์การเภสัชกรรม จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญของการเลิกบุหรี่ในประเทศไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- องค์การเภสัชกรรม ผลิตยา ‘โมลนูพิราเวียร์’ รักษาโควิดได้เองแล้ว พร้อมกระจายให้บริการ
- ผุด 5 มาตรการคุมเข้ม-ปกป้องเยาวชน จาก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ หลังพบ 30% ของกลุ่มผู้สูบ เป็นเด็กและเยาวชน
- บุกทลายโกดังบุหรี่ ไฟฟ้ารายใหญ่ ยึดของกลางกว่า 80 ล้าน