Business

‘SCB EIC’ ผ่าปัญหาหนี้ครัวเรือน โจทย์ข้อใหญ่ที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง

“SCB EIC” เผยผลสำรวจผลกระทบโควิด แม้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น และยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ รายได้ไม่พอรายจ่าย โจทย์ใหญ่รัฐบาลใหม่

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดทำสำรวจความเห็นผู้บริโภคไทย SCB EIC Consumer survey 2566  เกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤตโควิดต่อรายได้ รายจ่าย รวมถึงภาระหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ

ปัญหาหนี้ครัวเรือน

ในการสำรวจครั้งนี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจเสร็จสมบูรณ์ทั้งสิ้น 4,733 คน จัดทำในช่วงวันที่ 20 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2566 โดยผลสำรวจสะท้อนปัญหาและแนวโน้มหนี้ครัวเรือน ตลอดจนนำไปสู่นัยต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

1. แม้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย แสดงให้เห็นความเปราะบางที่ยังหลงเหลือจากวิกฤตโควิด

แม้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ มีมุมมองต่อการฟื้นตัวของรายได้ที่ดีขึ้นในระยะข้างหน้า ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่มองว่าการฟื้นตัวของรายได้จะเป็นไปอย่างช้า ๆ และยังไม่กลับไปเท่าระดับก่อนวิกฤตในระยะเวลาอันใกล้

อีกทั้งที่ผ่านมา ต้องเผชิญรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าครองชีพที่เร่งตัว ผู้ตอบแบบสอบถาม 82% มีปัญหารายได้โตไม่ทันรายจ่าย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย (ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน) ที่ประสบปัญหานี้มากถึง 89% ส่งผลโดยตรงต่อการออม ซึ่งมีเพียง 7% ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่สามารถเก็บออมได้ทุกเดือน

shutterstock 1066416791

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่า หนี้ครัวเรือนไทย จะมีแนวโน้มลดลงไม่เร็วนักในระยะต่อไป จากปัญหาความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย รวมถึงปัญหาการออม ท่ามกลางเงินเฟ้อสูงและดอกเบี้ยสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

2. หนี้ครัวเรือนและหนี้นอกระบบเป็นความเสี่ยงสำคัญของครัวเรือนไทย

ก่อนเกิดวิกฤตโควิดพบว่า มีสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นหนี้ 63% โดยเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 31% เป็นหนี้นอกระบบ และมีแนวโน้มจะก่อหนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับผู้ตอบแบบสอบถามที่มีหนี้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด แต่ไม่เคยมีหนี้มาก่อน พบว่ามีสัดส่วนราว 40% (กลุ่มหนี้หน้าใหม่) กลุ่มที่เหลือสัดส่วนราว 60% เป็นผู้ที่มีหนี้อยู่ก่อนแล้ว และมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด

นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ที่มีหนี้ในปัจจุบัน มีแนวโน้มจะกู้ยืมเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะผู้มีหนี้นอกระบบที่ต้องการกู้เพิ่มขึ้น จากทั้งแหล่งใน และนอกระบบ ขณะที่ผู้มีหนี้ในระบบมีแนวโน้มก่อหนี้นอกระบบมากขึ้น

อีกข้อสังเกตหนึ่งที่น่าสนใจพบว่า วัตถุประสงค์การกู้เงินที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิดส่วนใหญ่เพื่อใช้จ่ายค่าอาหารและสินค้าจำเป็น แต่ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ผู้มีหนี้ส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะกู้ยืมเพื่อชำระหนี้เดิมเป็นหลัก สะท้อนความเปราะบางด้านภาระหนี้ของครัวเรือนที่อาจรุนแรงขึ้น กดดันการนำเงินออมออกมาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในระยะต่อไป

3. ทักษะทางการเงินมีความสัมพันธ์กับการเป็นหนี้ของครัวเรือน

SCB EIC สำรวจและคำนวณคะแนนทักษะทางการเงินของผู้ตอบแบบสอบถามจาก 3 องค์ประกอบ คือ ความรู้ทางการเงิน พฤติกรรมทางการเงินและทัศนคติทางการเงิน

HH Debt

ทั้งนี้ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีคะแนนทัศนคติทางเงินในระดับไม่สูงนัก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนมากมีคะแนนความรู้ทางการเงินที่ดี แต่อาจมีความจำเป็นฉุกเฉิน ทำให้คะแนนพฤติกรรมหรือทัศนคติทางการเงินออกมาไม่ค่อยดีนัก ทำให้จำเป็นต้องกู้หนี้นอกระบบ

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า กลุ่มที่มีหนี้นอกระบบ มีคะแนนทักษะทางการเงิน ความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ และระดับรายได้โดยเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สะท้อนข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบของคนกลุ่มนี้

4. ผลสำรวจหนี้ครัวเรือนผ่านมุมมองผู้บริโภค

ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังน่ากังวล และควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ปัญหานี้นับเป็นความท้าทายสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่สามารถทยอยแก้ไขให้ดีขึ้นได้หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันและต้องใช้เวลา

ภาพรวมผลสำรวจของ SCB EIC ครั้งนี้มีนัยต่อภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคครัวเรือนดังนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเชิงนโยบาย และให้ความรู้ทักษะทางการเงินทุกมิติอย่างเป็นระบบ

โดยเฉพาะทัศนคติทางการเงิน และความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ รวมถึงหยุดวงจรหนี้นอกระบบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่พึ่งพิงหนี้นอกระบบอยู่

ในส่วนภาคธุรกิจ ก็จำเป็นต้องติดตามกฎระเบียบและนโยบายแก้หนี้ครัวเรือนของภาครัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาครัฐมีแนวโน้มจะเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังมากขึ้น อีกทั้ง ควรเตรียมความพร้อมไว้หากปัญหาหนี้ครัวเรือนรุนแรงขึ้นจนอาจกระทบกำลังซื้อ

ดังนั้น ภาคครัวเรือนควรผ่อนชำระหนี้ให้มากกว่าการจ่ายขั้นต่ำ ลดการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น ปลูกฝังวินัยการออมเพื่อรองรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้อีก และปรับทักษะให้สอดคล้องกับโลกหลังวิกฤติโควิดเพื่อเพิ่มความมั่นคงของกระแสรายได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo