เอแซ็ปเปิดแผนงานปี 2562 ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง ชูแอพพลิเคชัน “เอแซ็ป” รุกตลาดลูกค้ารายย่อย เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจรถยนต์เช่า เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอแซ็ป (ASAP) ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจร เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว รถยยนต์ให้เช่าระยะสั้น รถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ และรถยนต์ให้เช่าตามการใช้งานจริงภายใต้แบรนด์ “asap GO” โดย ASAP จะใช้จุดแข็งด้านพอร์ตรถยนต์ให้เช่าขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนรถให้บริการในปีนี้เกือบ 20,000 คัน เพื่อช่วยสนับสนุนแผนการดำเนินงานในปีนี้
บริษัทยังมีแผนขยายฐานธุรกิจ ไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อย (B2C) ภายใต้แนวคิด “ASAP Mobility Solution” เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการรองรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความนิยมการใช้บริการรถยนต์ให้เช่าเพิ่มขึ้น ผ่านการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “asap” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าและบริการของบริษัท ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ การจองรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และ รถยนต์ให้เช่าตามการใช้งานจริง ในอนาคตยังสามารถใช้แอพพลิเคชันเพื่อซื้อรถยนต์มือสอง และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย
“ในปีนี้จะเห็น ASAP รุกให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไปมากขึ้น หรือ B2C จากเดิมที่เป็นกลุ่ม B2B โดยผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจ มีแอพพลิเคชัน asap เป็นประตูที่เชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและสินค้า/บริการอย่างครบวจร ช่วยให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าไปในวงกว้างและกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการเช่ารถยนต์ของ ASAP หรือซื้อรถมือสอง”
นายทรงวิทย์ กล่าวด้วยว่า บริษัทได้เพิ่มจุดให้บริการ ผ่านการเปิด asap Select ของแฟรนไชส์ ส่งผลดีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจรถยนต์ให้เช่าโดยรวม ที่มีอัตราการใช้บริการรถยนต์ของลูกค้าเพิ่มขึ้น
ในขณะนี้ บริษัทได้ลงนามทำสัญญากับผู้ซื้อแฟรนไชส์จำนวน 5 ราย เพื่อเปิด asap Select รองรับการให้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น ตามหัวเมืองใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการครบทั้ง 30 แห่งได้ภายใน 5 ปีตามแผน
สำหรับ กลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำสัดส่วนรายได้หลักนั้น บริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติมรวมถึงจะเพิ่มฟลีทรถในรูปแบบของรถยนต์ให้เช่าเพื่อจับกลุ่มลูกค้าองค์กรในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ที่จะช่วยเพิ่มอัตราค่าเช่าต่อเดือนต่อคันให้มากขึ้น ส่งผลดีต่อการช่วยสนับสนุนการสร้างความมั่นคงของรายได้ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ครบสัญญาเช่า เพื่อจำหน่ายเป็นรถยนต์มือสอง คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้น จากจำนวนรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า ที่นำมาจำหน่ายเป็นรถยนต์มือสองได้ประมาณ 1,300-1,500 คัน สามารถทำกำไรขั้นต้นจากการจำหน่ายได้ดีขึ้น ซึ่งจะเข้ามาช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย