กสิกรไทย ประเมิน “วิกฤติธนาคารของโลก” ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ มีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าเดิม กดดัน “ส่งออกไทย”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดมุมมองทิศทางเศรษฐกิจ คงประมาณการจีดีพีปี 2566 ที่ 3.7% ขณะที่ปรับลดตัวเลขส่งออกลงจากเดิมที่ -0.5% มาที่ -1.2% ด้านการท่องเที่ยวขยับดีขึ้น ตามสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี ประเมินวิกฤตธนาคารชาติตะวันตกต่อไทย อยู่ในกรอบจำกัด
นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลที่มี ณ ขณะนี้วิกฤติธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐ คงจะยืดเยื้อ เนื่องจากตราบใดที่ธนาคารที่ถูกจับตามองยังไม่ได้แก้ไขปัญหางบดุล อาทิ การกระจุกตัวของเงินฝาก หรือการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย ก็จะยังทำให้ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจ
คาดสถานการณ์ไม่ลุกลาม จนกลายเป็นวิกฤติการเงินโลก
นอกจากนี้ การที่ทางการสหรัฐ มีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำให้การตัดสินใจอาจใช้เวลา อีกทั้งธนาคารที่จะเข้ามาซื้อกิจการในธนาคารที่ประสบปัญหา คงใช้เวลาในการตัดสินใจเช่นกัน สุดท้ายแล้ว ธนาคารที่เป็นประเด็นก็อาจหลีกเลี่ยงการปิดตัวลงได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางชาติอื่น ๆ เข้าดูแลสภาพคล่องของระบบอย่างรวดเร็ว น่าจะช่วยยับยั้งสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตการเงินโลกได้
ส่วนในระยะถัดไป ประเด็นติดตามอยู่ที่ทางการสหรัฐ จะปรับปรุงกฎหมายการกำกับดูแลภาคธนาคารสหรัฐ ให้เข้มงวดขึ้นสำหรับธนาคารขนาดกลางและเล็กหรือไม่ ซึ่งหากมีการดำเนินการได้จริงในทางปฏิบัติ ก็อาจทำให้ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น กระทบผลประกอบการธนาคารกลุ่มดังกล่าวในระยะกลาง
เศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวลงกว่าเดิม และถดถอยบางไตรมาส
นางสาวณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐนั้น คาดการณ์ว่า ปัญหาภาคธนาคาร จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวลงมากกว่าเดิม และมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยบางไตรมาสในช่วงครึ่งหลังของปี
ซึ่งภาพความกังวลข้างต้น สะท้อนผ่านโมเมนตัมการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุด (วันที่ 21-22 มี.ค.) ที่ผ่อนคันเร่งลงด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากช่วงก่อนเกิดปัญหาภาคธนาคารสหรัฐ ที่ตลาดมองว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.50%
กระทบภาคการส่งออกของไทย
เศรษฐกิจสหรัฐ ที่มีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าเดิม น่าจะมีผลกระทบต่อไทยผ่านช่องทางการค้า โดยเฉพาะภาคการส่งออก ขณะที่ แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยทยอยปรับตัวลดลง ตามทิศทางราคาพลังงานที่ลดลง ตามการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับลดประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 ลงมาที่ 2.8% จากเดิมที่ 3.2%
อย่างไรก็ตาม ไทยมีปัจจัยบวกที่ช่วยต้านผลกระทบข้างต้น คือ ภาคการท่องเที่ยว ที่น่าจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2566 ที่อาจสูงกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 25.5 ล้านคน มาที่ 28.5 ล้านคน ทำให้ในภาพรวมแล้ว จึงยังคงประมาณการจีดีพีสำหรับทั้งปี 2566 ไว้ที่ 3.7%
ทั้งนี้ ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังเต็มไปด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก จึงยังเป็นประเด็นที่ยังคงติดตามต่อไป
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทนั้น คงจะเคลื่อนไหวผันผวนค่อนข้างมากต่อเนื่องไปในไตรมาส 2 ท่ามกลางสถานการณ์ต่างประเทศยังไม่นิ่ง เพียงแต่จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดที่ชะลอความแรงลง ทำให้เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะปรับขึ้นได้อีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 มีนาคมนี้
กระทบแบงก์ไทยในวงจำกัด
สำหรับผลกระทบของปัญหาธนาคารชาติตะวันตกต่อไทย อยู่ในกรอบจำกัด เพราะธนาคารไทยมีโครงสร้างงบดุลที่กระจายตัวดีกว่า อาทิ มีพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่กว่าเงินลงทุน พอร์ตสินเชื่อกระจายตัวตามกลุ่มลูกค้ารายย่อย เอสเอ็มอี และรายใหญ่ รวมถึงมีเงินฝากที่ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่ลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงหรือลูกค้าธุรกิจองค์กร เหมือนดังกรณีธนาคารสหรัฐที่ประสบปัญหา
นอกจากนี้ ธนาคารไทยยังมีสภาพคล่องและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง แข่งขันได้ในระดับสากล ภายใต้การกำกับดูแลที่ใกล้ชิดของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังอีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘กสิกsไทย’ จัดสัมมนา ‘EARTH JUMP 2023: New Frontier of Growth’ เปิดมุมมอง-เพิ่มวิสัยทัศน์ ให้ธุรกิจโตยั่งยืน
- ‘กสิกsไทย’ แนะร้านค้าใช้ ‘QR’ รับเงินสะดวก ดันยอดขาย คาดเงินสะพัดนักท่องเที่ยวเข้าไทย 28 ล้านคน
- ‘กสิกsไทย’ ลุย ‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าติดกลุ่ม 20 แบงก์ใหญ่สุดใน 4 ปี