ไฟเขียว ทอท. สรรหาเอกชนร่วมลงทุน ขยายขีดความสามารถ ‘สุวรรณภูมิ’ รองรับท่องเที่ยวฟื้นตัว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ดำเนินโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่3
และโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่3 ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
เพิ่มขีดความสามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินฟื้นตัว
สำหรับความจำเป็นในการดำเนินการทั้ง 2 โครงการข้างต้น เนื่องด้วย ทอท. ได้วิเคราะห์สภาพการให้บริการทั้งลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ และคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วพบว่า
ระดับการให้บริการของผู้ประกอบการปัจจุบันใกล้เต็มขีดความสามารถ และจะไม่สามารถรองรับความต้องการได้เพียงพอ เมื่อปริมาณเที่ยวบินกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดโควิด19 ภายในปี 67
โดยปัจจุบันได้ให้สิทธิการประกอบกิจการ ในส่วนของบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ แก่ผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) (สิ้นสุดสัญญาปี 83) และบริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (สิ้นสุดสัญญาปี 69)
ส่วนการให้บริการผู้โดยสาร มีผู้ประกอบการ 3 ราย ได้แก่ บริษัทการบินไทยฯ (สิ้นสุดสัญญาปี 83) บริษัทกรุงเทพเวิลด์ไวด์ และบริษัท ลุฟท์ฮันซ่า เซอร์วิส(ไทยแลนด์) ซึ่ง 2 รายหลังนี้สิ้นสุดสัญญาเมื่อปี 2564 แต่ ทอท. ได้ว่าจ้างให้ดำเนินการชั่วคราวอยู่ ส่วนการให้บริการคลังสินค้า มีผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทยฯ (สิ้นสุดสัญญาปี 83) และ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด(สิ้นสุดสัญญาปี 69)
นอกจากนี้ ด้วยสถานะของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการให้บริการ ประกอบกับระยะเวลาการให้สิทธิประกอบกิจการของบริษัท เวิลด์ไวด์ และบริษัท ดับบลิวเอฟ ใกล้ถึงกำหนดสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2569 อาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการให้บริการหากไม่สามารถสรรหาผู้ให้บริการรายที่3 ทั้งในกรณีของบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ และบริการคลังสินค้า
โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สาระสำคัญของโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นฯ รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนจะใช้รูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐรับผิดชอบในการจัดหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการ และกำกับดูแลติดตามตรวจสอบคุณภาพการดำเนินงานของเอกชน
ส่วนเอกชนมีหน้าที่ในการจัดหาเงินทุน ออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง จัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการให้บริการตามมาตรฐาน บริหารจัดการโครงการตามขอบเขตและเงื่อนไขที่ ทอท. กำหนด
สำหรับเงินลงทุนตามโครงการจะมาจากเอกชนทั้งหมด จำนวน 29,390.76 ล้านบาท แยกเป็นค่าลงทุนในสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ 1,608.76 และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 27,782.01 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 25 ปี มีขอบเขตการดำเนินงาน ในกลุ่มบริการหลักของผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น อาทิ บริการอุปกรณ์สนับสนุนอากาศยาน การขนถ่ายเคลื่อนย้ายกระเป๋า สัมภาระ สินค้าและไปรษณีย์ภัณฑ์ ขนถ่ายและเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและลูกเรือ และกลุ่มบริการอื่นๆ
โดยแผนงานของโครงการ มีดังนี้ เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 ประกาศเชิญชวนเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน, เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2667 คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาข้อเสนอของเอกชน, เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ลงนามในสัญญาร่วมลงทุน, เดือนมีนาคม 2568-กุมภาพันธ์ 2569 ออกแบบและก่อสร้าง และเริ่มเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2569
โครงการให้บริการคลังสินค้า
สาระสำคัญของโครงการให้บริการคลังสินค้าฯ จะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนแบบ PPP Net Cost เช่นเดียวกัน ภาครัฐรับผิดชอบในการจัดหาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการและกำกับดูแลการดำเนินการของเอกชน ส่วนเอกชนมีหน้าที่จัดหาเงินทุน ออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกจ้าง จัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ บำรุงรักษา บริหารจัดการโครงการคลังสินค้าตามขอบเขตและเงื่อนไขที่ ทอท.กำหนด
เงินลงทุนตามโครงการมาจากเอกชนทั้งหมด 37,914.56 ล้านบาท แยกเป็น ค่าลงทุน ในสิ่งปลูกสร้างอุปกรณ์และระบบ รวม 1,318.38 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษา 36,596.18 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 25 ปี ขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมทั้งคลังสินค้าขาเข้า คลังสินค้าขาออก คลังสินค้าถ่ายลำ สินค้าเน่าเสียง่าย สินค้าเร่งด่วนและสินค้าอีคอมเมิร์ซ
โดยมีแผนดำเนินงานตามโครงการ ดังนี้ เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและร่างสัญญาร่วมลงทุน, เดือนเมษายน.-พฤษภาคม 2567 คณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาข้อเสนอของเอกชน, เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ลงนามสัญญาร่วมลงทุน, เดือนมีนาคม 2568-กุมภาพันธ์ 2570 ออกแบบและก่อสร้าง และเริ่มเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2570 เป็นต้นไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทอ ท. คาดปี 66 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง จะมีผู้โดยสาร 96 ล้านคน นักท่องเที่ยวฟื้นตัว 68%
- ททท. รุกตลาด ‘นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง’ จากสหรัฐ หวังดันรายได้ไฮซีซั่น และปี 66 พุ่ง 1.5 ล้านล้าน
- ททท. ปลื้ม ท่องเที่ยวฟื้นตัวแบบ ‘วีเชฟ’ ไฮซีชั่นปลายปี จากนักท่องเที่ยวยุโรป-อเมริกา