ครม. อนุมัติหลักการ ร่างพ.ร.ฎ. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี วันนี้ (7 มีนาคม 2566) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่) พ.ศ. …. (การยกเว้นเงินได้ นิติบุคคล สำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์)
ทั้งนี้ เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคล ให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้น โดยไม่ต้องนำมาคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
การยกว้นภาษีดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนให้ราคาของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) ลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการซื้อยานยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลง ทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการลงทุน และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) เพิ่มขึ้นในอนาคต
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์: บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
สิทธิประโยชน์: ยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น
เงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด อาทิ เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรม ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร เขตประกอบการเสรี เป็นผู้นำเข้าที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เป็นต้น
หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคล และต่อมาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด จะต้องนำเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้ว ไปรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น
วันที่มีผลบังคับใช้: ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กระทรวงการคลัง รายงานว่า มาตรการนี้ไม่อยู่ในประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ แต่ได้ประมาณการจากการจ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2565-2568 จำนวน 4.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นรายได้ภาษีเงินได้ นิติบุคคล ที่จะสูญเสียประมาณ 8,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จะเป็นการสนับสนุนให้มีความต้องการการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และทำให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะทำให้มีการจ้างงานและการพัฒนาฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กระทรวงอุตสาหกรรม หารือ BMW ปักหมุด ฐานการผลิต ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ ในไทย
- บอร์ดอีวี ไฟเขียวตั้งคณะอนุกรรมการ ‘ยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง’ ดึง 29 หน่วยงานร่วมขับเคลื่อน
- บอร์ดอีวี อัด 2.4 หมื่นล้าน หนุนลงทุนผลิต ‘แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า’ พร้อมลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 1%