Business

ตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง ไตรมาส 4 ปี 65 ประกาศขายเพิ่ม แต่มูลค่ารวมลดลง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ไตรมาส 4 ปี 2565 จำนวนประกาศขายเพิ่ม 13.4% แต่มูลค่าลดลง 7.2% กทม.ยังนำทั้งขายและซื้อบ้านมือสอง

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า มีการประกาศขายเพิ่มขึ้น 13.4% แต่มูลค่ากลับลดลง 7.2% เมื่อเปรียบเทียบกับกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มีการขยายตัวในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% ราคา 1.01-1.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และราคา 2.01-3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3%

ขณะที่ระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท มีปริมาณใกล้เคียงเดิมโดยลดลงเพียง 0.4% เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยมือสองประเภทห้องชุด และทาวเฮ้าส์

ข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองในช่วง 11 เดือนของปี 2565 ที่มีอัตราขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นกัน โดยระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ขยายตัว 24.9% ราคา 1.01-1.5 ล้านบาท ขยายตัวร้ 24.7% ราคา 1.51-2 ล้านบาท ขยายตัว 19.4% และ ราคา 2.01 – 3 ล้านบาท ขยายตัว 36.2%

ประกาศขาย

การขยายตัวของที่อยู่อาศัยมือสองในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เกิดจากปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เปิดเงื่อนไขให้ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ได้รับสิทธิ์ในการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอุปทานกลุ่มนี้เข้ามาสู่ตลาดที่มากขึ้น

นอกจากนี้ยังพบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกาศขายบ้าน และผู้ซื้อบ้านได้อยู่ในพื้นที่ 10 อันดับ คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปทุมธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมาและสุราษฎร์ธานี

อุปทานตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ

ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า มีจำนวนหน่วยประกาศขาย 162,787 หน่วย และมีมูลค่า 860,415 ล้านบาท หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งมีจำนวน 162,923 หน่วย และมูลค่า 962,188 ล้านบาท พบว่ามีการปรับตัวลดลง 0.1% และ 10.6% ตามลำดับ

 

แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนพบว่า การประกาศขายที่อยู่อาศัยมือสอง มีจำนวนหน่วยที่เพิ่มขึ้นถึง 13.4% แต่มูลค่ากลับลดลง 4.7%

มูลค่า

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยต่อไตรมาสในปี 2565 ที่มีจำนวน 162,320 หน่วย และมูลค่า 961,757 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ปี 2564 ถึง 52.6% และ 31.7% ตามลำดับ

บ้านเดี่ยวครองแชมป์ประกาศขายสูงสุด

เมื่อพิจารณาถึงประเภทของที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขาย พบว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีการประกาศขายมากที่สุดเกาะกลุ่มใน 3 ประเภทตามลำดับ คือ

1. บ้านเดี่ยว จำนวน 67,907 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 41.7% มูลค่า 461,011 ล้านบาท สัดส่วน 53.6%

2. ทาวเฮ้าส์ จำนวน 44,722 หน่วย สัดส่วน 27.5 % มูลค่า 109,616 ล้านบาท สัดส่วน 12.7%

3. ห้องชุด จำนวน 44,016 หน่วย สัดส่วน 27.0% มูลค่า 257,896 ล้านบาท สัดส่วน 30.0%

หน่วยและมูลค่า

สำหรับ อาคารพาณิชย์ และบ้านแฝด เป็นประเภทที่มีสัดส่วนจำนวนหน่วย และมูลค่าประกาศขายน้อยที่สุด

เมื่อเปรียบเทียบไตรมาส 4 ปี 2565 กับไตรมาสก่อนหน้า พบว่า ในทุกประเภทบ้านเดี่ยว มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 4.5% และเป็นทาวน์เฮ้าส์ เพิ่มขึ้น 5.5% ขณะที่จำนวนหน่วยของห้องชุด ลดลง 9.7% อาคารพาณิชย์ ลดลง 8.6% และบ้านแฝด ลดลง 11.5%

ในขณะที่ด้านมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง มีการลดลงในเกือบทุกประเภท พบว่า บ้านเดี่ยวลดลง 1.7% ห้องชุดลดลง 26.8% ทาวน์เฮ้าส์ลดลง 1.9% และบ้านแฝดลดลง 15.9% แต่อาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

บ้านไม่เกิน 1 ล้านบาทประกาศขายมากที่สุด

เมื่อพิจารณาถึงราคาประกาศขายของที่อยู่อาศัยมือสอง ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า ระดับราคาของที่อยู่อาศัยที่มีการประกาศขายมากที่สุดเกาะกลุ่มใน 3 ระดับราคาตามลำดับ คือ

1. ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 40,364 หน่วย สัดส่วน 24.8% มูลค่า 21,807 ล้านบาท สัดส่วน 2.5% มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 0.5 ล้านบาท

2. ระดับราคา 2.01-3 ล้านบาทจำนวน 25,417 หน่วย สัดส่วน 15.6% มูลค่า 63,941 ล้านบาท สัดส่วน 7.4% มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 2.5 ล้านบาท

3. ระดับราคา 3.01-5 ล้านบาท 24,998 หน่วย สัดส่วน 15.3% มูลค่า 97,964 ล้านบาท สัดส่วน 11.4 %

จำนวนทั่วประเทศ

 

เมื่อพิจารณาจำนวนหน่วยบ้านมือสองที่ประกาศขายในแต่ละระดับราคา พบว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยมือสองที่ราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป

สภาวะของการประกาศขายเช่นนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมือสองที่มีอยู่ในตลาดที่เพิ่มขึ้นมาก ดังจะเห็นได้จากภาวะการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองในช่วง 11 เดือนของปี 2565 ที่มีอัตราขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นกัน

บ้านในกรุงเทพฯ ประกาศขายสูงสุด

สำหรับจังหวัดที่มีอันดับมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการประกาศขายสูงที่สุด 10 จังหวัดแรก ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปทุมธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมาและสุราษฎร์ธานี ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองเช่นกัน

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร มีหน่วยประกาศขาย 55,852 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 34.3% และ มีมูลค่าสูงเป็นอันดับแรก มีมูลค่าถึง 518,480 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.3% เมื่อเทียบกับทั้งประเทศ

ขณะที่จังหวัดอันดับที่ 2-10 มีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่าของแต่ละจังหวัดอยู่ระหว่าง 0.8% ถึง 6.8% เมื่อรวมทั้ง 10 จังหวัดจะพบว่า มีสัดส่วนจำนวนหน่วยเป็น 67.6% และสัดส่วนของมูลค่ารวมกันมากถึง 87.3%

ส่วนจังหวัดที่เหลืออีก 67 จังหวัด มีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกัน 32.4% และมีสัดส่วนมูลค่ารวมกันเพียง 12.7% เท่านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo