ซิตี้แบงก์ อัปเดตภาพรวมเศรษฐกิจไทยล่าสุด หลังจีนเปิดประเทศ คาดภาคการท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนคึกคัก ดันจีดีพีไทยโตแตะ 4.3% ในปี 2566
นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เผยว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ ได้คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยอยู่ที่ราว 25.5 ล้านคน โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 3.9 ล้านคน (หรือ 35% ของนักท่องเที่ยวจีนปี 2562)
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ประเทศจีนเปิดประเทศเร็วกว่าความคาดหมาย ทำให้มีนักเดินทางชาวจีนเดินทางเข้าประเทศเกินกว่าการประมาณการณ์ไว้ในเบื้องต้น 1.7 ล้านคน (หรือ 15% ของปี 2562)
อย่างไรก็ตาม ด้านยอดการใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยว มีแนวโน้มลดลงกลับคืนสู่ระดับใกล้เคียงปี 2562 หรือ 1,562 ดอลลาร์ หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่า กำลังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ลดลงต่ำกว่าในปี 2563 อยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ และ 2564 อยู่ที่ราว 12,000 ดอลลาร์ หรือในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19
ซิตี้แบงก์ จึงได้ปรับการคาดการณ์ดุลบัญชีเงินสะพัดของปี 2565 มาอยู่ที่ติดลบ 3.3% ของจีดีพี จากเดิมที่ติดลบ 1.6% รวมถึงปรับลดดุลบัญชีสะพัดปี 2566 ที่น่าจะกลับมาเกินดุล มาอยู่ที่ 2.4% ของจีดีพี ในปี 2566 จากเดิมที่ 3.8% (โดยใช้ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ 1,590 ดอลลาร์)
นางสาวนลิน กล่าวต่อว่า แม้จะปรับลดการคาดการณ์รายได้รวม จากนักท่องเที่ยวลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาระยะสั้นมากขึ้น แต่การที่มีนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน และเสริมสร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ ยังคงคาดว่าในปี 2566 จีดีพีของประเทศ จะเติบโตอยู่ที่ 4.3% อีกทั้งในปี 2566 เงินบาทจะแข็งค่าจากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยเรื่องการไหลเข้าของเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อลงทุนในหลักทรัพย์เช่นกัน
ด้านการบริโภคของภาคเอกชน จะมีการเติบโตที่ดี ด้วยแรงสนับสนุนจากภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง การจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และความมั่นใจที่มากขึ้นของผู้บริโภค โดยมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างโครงการช้อปดีมีคืน หรือแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะเป็นแรงช่วยสนับสนุนอีกแรง
อนึ่ง การจ้างงานในหลายภาคส่วน กลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด นอกจากนี้การลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะในอุตสาหกรรม อาจชะลอลงในช่วงต้นปี 2566 ตามสถานการณ์ของภาคการส่งออก แต่ยังคงได้รับการขับเคลื่อนจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากรัฐบาล
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มุ่งเป้าไปยังการดึงดูดบริษัทต่างชาติ ที่มีแผนย้ายฐานการผลิต พร้อมรักษานักลงทุนเดิมภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อาทิ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีนวัตกรรมและนวัตกรรมสีเขียว ฯลฯ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมธุรกิจ การค้า และโลจิสติกส์ของภูมิภาค
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาคือ สภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งซิตี้แบงก์ได้คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มจะผ่อนคลายจาก 6.1% ในปี 2565 มาสู่ที่ระดับ 2.5% ในปี 2566 แม้ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากราคาพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตต่อเนื่องในปี 2566
ในขณะที่ราคาอาหาร ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคงอยู่ที่ระดับสูงกว่า 3.0% อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากเงินเฟ้อไม่ได้มีการกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ที่ทยอยลดลง
ดังนั้น จึงยังคงประมาณการเดิมว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังสามารถทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ แต่มีแนวโน้มขึ้นสู่ระดับ 2.25% ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เพื่อรักษาเงินเฟ้อคาดการณ์ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และปรับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงกลับไปสู่ระดับใกล้ 0%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อนามัยโลก’ ชี้ จีนให้ข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำเกินจริง
- เริ่มวันนี้! จีนเปิดประเทศ เดินทางเข้า-ออกได้แล้ว หลังโดดเดี่ยวตัวเอง คุม ‘โควิด’นาน 3 ปี
- ‘เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส’ ออกกฎ ‘โชว์ผลตรวจโควิด’ นักเดินทางจากจีน