Economics

นับถอยหลัง! ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ในปี 2565 เป็นอย่างเร็ว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า สังคมผู้สูงอายุกำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทยอยเกิดขึ้นในหลายประเทศของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาตามติดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ส่วนใหญ่ต่างก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุไปแล้ว ในส่วนของประเทศไทยนั้น ได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) แล้วตั้งแต่ประมาณปี 2548 และกำลังเตรียมนับถอยหลังสำหรับการเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2565 เป็นอย่างเร็วหรือในอีก 3 ปีนับจากนี้

ปัจจุบัน 6-8 จังหวัดของไทยได้ก้าวเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ไปแล้วก่อนหน้าจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ ลำปาง แพร่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สมุทรสงคราม และอาจรวมถึงลำพูนและอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าไทยจะเป็นประเทศแรกในบรรดากลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ หลังจากนั้นในราวปี 2575 ไทยก็มีแนวโน้มที่จะขยับเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์อย่างเต็มที่ (Super-Aged Society)

01 5

จากฐานจำนวนประชากรสูงอายุที่นับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีด้วย ก็น่าจะเป็นโอกาสที่เปิดกว้างพอสมควรสำหรับสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุในปัจจุบันน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9 แสนล้านบาทต่อปี เบื้องต้นคำนวณจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเฉลี่ยของผู้สูงอายุที่อยู่ที่ราว 9,000-10,000 บาท/เดือน ซึ่งครอบคลุมค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ายา ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งหากรวมค่าสังสรรค์กับเพื่อนและค่าเดินทางท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่านี้ ทั้งนี้ ภาพดังกล่าว สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจของสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุ โดยเทรนด์สินค้าและบริการที่น่าสนใจก็มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ สถานบริการดูแลผู้สูงอายุ Health Tech หรือธุรกิจบริการรถเช่า ธุรกิจเดลิเวอรี่ รวมถึงธุรกิจทัวร์ เป็นต้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เกินระดับเพียงพอต่อการดำรงชีพ น่าจะมีจำนวนรวม 5.7 แสนคน หรือมีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของผู้สูงอายุทั้งหมดที่คาดว่าจะมีจำนวน 13.61 ล้านคน ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 300,000 บาท จะมีสัดส่วนสูงถึง 95-96%

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่เดิมพึ่งพาลูกหลานในการเป็นแหล่งรายได้หลัก ก็อาจมีความสามารถที่จะพึ่งพาลูกหลานได้น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากสังคมไทยมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น และหลายครอบครัวก็เลือกที่จะไม่มีบุตรหรืออยู่เป็นโสด ทำให้ต้องพึ่งพารายได้จากการทำงาน/เงินออมของตนเอง รวมทั้งสวัสดิการจากภาครัฐเพิ่มมากขึ้น และท้ายสุดอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการใช้จ่ายได้

02 5

ดังนั้น ในการเจาะตลาดผู้สูงอายุไทย ผู้ประกอบการอาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหากเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมาก็คงต้องเน้นไปที่สินค้าและบริการที่มีราคาย่อมเยา รวมถึงอาจจำเป็นต้องมีการดีลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ ส่วนตลาดผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อปานกลางขึ้นบน ซึ่งส่วนใหญ่ภาคธุรกิจน่าจะเน้นเลือกให้เป็นกลุ่มเป้าหมายของตน ทำให้สภาวะการแข่งขันเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนี้จะมีความเข้มข้นมากกว่า นั่นหมายความว่า สินค้าและบริการคงต้องเน้นไปที่ความคุ้มค่ากับการใช้จ่าย ความแตกต่างจากสินค้าและบริการของผู้ประกอบการรายอื่น และคุณภาพของสินค้าบริการในลักษณะ On Demand/Personalized หรือตอบความต้องการเฉพาะบุคคลเป็นหลัก

นอกจากนี้ ในส่วนของช่องทางการจำหน่ายก็ควรต้องหันมาขยายช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากช่องทางหน้าร้าน เพื่อเปิดโอกาสในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้กลุ่มผู้สูงวัยที่มีข้อจำกัดในด้านการเคลื่อนไหวและการเดินทางไปซื้อหาสินค้าและบริการด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นที่จะต้องมีการออกแบบหรือปรับฟังก์ชั่นการใช้งานให้ง่าย/สะดวก/ไม่ซับซ้อนจนเกินไปสำหรับผู้สูงอายุ เช่น มีขนาดตัวอักษรหรือปุ่มรายการที่ใหญ่ เป็นต้น โดยการดำเนินการดังกล่าว ไม่เพียงจะสามารถตอบสนองกลุ่มผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสามารถที่จะรองรับกลุ่มประชากรที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ดีซึ่งกำลังเตรียมที่จะก้าวเป็นผู้สูงอายุในอนาคตด้วย

Health forein brand

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือในปี 2565 เป็นอย่างเร็วนั้น นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทยพอสมควรในการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่กำลังเปลี่ยนไป รวมถึงความต้องการของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและเปลี่ยนไปจากอดีตด้วย โดยภาคธุรกิจคงจะต้องมีการครุ่นคิดให้รอบคอบว่า ผู้สูงอายุซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่นับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มไหนคือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง และกำลังเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคใดในการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ภายใต้กำลังซื้อที่ยังไม่สูงมากนักของประชากรผู้สูงอายุไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ไปแล้วก่อนหน้าไทย เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองหาโอกาสหรือช่องว่างทางการตลาด

สำหรับการนำเสนอสินค้าและบริการที่จะตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนั้นๆ ได้อย่างตรงจุด ขณะเดียวกัน การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าและบริการ การพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าสูงอายุแต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต่างๆ ควรให้ความสำคัญอยู่เสมอ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่ภาคเอกชนเท่านั้นที่ต้องมีการปรับตัวรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ของไทย ภาครัฐก็มีความท้าทายในการวางแผนเพื่อรับมือด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหลักประกันด้านรายได้ การส่งเสริมและขยายโอกาสในการทำงานของผู้สูงอายุ การสร้างและพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว หรือการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมและปลอดภัยในที่สาธารณะสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น

ขอบคุณภาพจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

Avatar photo