The Bangkok Insight

‘บริติช เคานซิล’ สนับสนุน ‘ผ้าทอไทลื้อ’ ท้าทายงานหัตถกรรมสู่ยุคโลกาภิวัฒน์

แม้ว่าปัจจุบัน คนจะหันมาอนุรักษ์ผ้าไทยและนำกลับมาสวมใส่กันมากขึ้นจนเป็นที่นิยมอีกครั้ง แต่เมื่อ ‘อุปสรรคของผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ การหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่โลกหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว’

F4876F47 E3DB 4378 B25A 5695919D06FF
ผ้าทอไทลื้อ

ด้วยเหตุนี้ บริติช เคานซิล ร่วมกับ ศูนย์วิชาการและเทคโนโลยีสิ่งทอพื้นบ้าน (ฝ้ายแกมไหม) และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงริเริ่มโครงการ “คราฟท์ติ้ง ฟิวเจอร์” (Crafting Futures) ขึ้น โดยการปลูกฝัง “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ” (Design thinking) ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

58B0872F A43F 4CA0 A2F0 5DF4C060E45E
ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทลื้อ

อลิสัน เวลช์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยแฟชั่น มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เมโทรโพลิแทน ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการทำนายเทรนด์สี แฟชั่นมากว่า 30 ปีในประเทศอังกฤษ ได้เข้าร่วมโครงการฯ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนางานหัตถกรรม และลงพื้นที่ไปยังอำเภอปัว จังหวัดน่าน เพื่อศึกษาใจความสำคัญ บริบททางวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของชาวบ้าน “ไทลื้อ” เผยว่า ผ้าทอไทลื้อ ศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านจังหวัดน่าน นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทรงคุณค่า แต่กลับไม่ได้รับความนิยมและไม่เป็นที่รู้จักนักในปัจจุบัน ทำให้ผ้าทอที่เกิดจากการส่งต่อภูมิปัญญาหาแบบรุ่นสู่รุ่นของชาวบ้านในจังหวัดน่าน มีเหลือเป็นจำนวนมาก 

F78726C9 D274 4137 840D 65F1846EC9CC
ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทลื้อ

โดยผู้ที่ทอเป็นอาชีพหลักส่วนหนึ่งจะนำไปฝากขายตามร้านสหกรณ์ และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการออกบูธงานแสดงสินค้าชุมชน ซึ่งทั้งสองช่องทางก็ยังไม่ได้ความนิยมเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาเงินจม ชาวบ้านขาดรายได้ จนนำไปสู่การเลิกทอผ้าไปในที่สุด

ผ้าทอแต่ละผืน มีเรื่องเล่าประกอบอยู่มากมาย สิ่งที่ต้องทำคือการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นให้กับผู้คนในวงกว้างได้รับรู้

4E9FAC9A 9D5F 4731 A950 9AE448D599C7
วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทลื้อ

ผ้าทอไทลื้อ ส่วนมากใช้นุ่งเป็นผ้าถุง จึงถูกทอในลักษณะผ้าผืนยาว การที่จะแปรรูปผ้าทอเป็นเสื้อผ้านั้นจึงต้องใช้กรรมวิธีที่ต้องตัดผ้าน้อยที่สุด หรือไม่มีการตัดเลย เนื่องจากผ้าทอแต่ละผืนล้วนผ่านขั้นตอนการทอที่ประณีตและใช้เวลานาน ซึ่งถือเป็นโจทย์หลักในการออกแบบเสื้อผ้า ประกอบกับชาวบ้านเกือบทั้งหมด จะไม่คุ้นเคยกับการตัดเย็บ ทำให้การออกแบบต้องคำนึงถึงการตัดเย็บที่เรียบง่าย 

ECC97022 CCFD 4CFD AB0E 251C24A25094
วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทลื้อ

ขั้นตอนต่อมา คือการพัฒนาด้านเนื้อผ้า (texture) และการจับคู่สี ซึ่งผ้าทอไทลื้อแบบดั้งเดิมมักจะมีการใช้สีที่ฉูดฉาด ทำให้เมื่อนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าแล้วอาจไม่ได้รับความนิยม จึงเริ่มต้นขึ้นเป็นเวิร์คช็อป เพื่อให้เกิดการทดลองทอผ้าให้ได้สีและเนื้อผ้าใหม่ ๆ เช่น การทอสีขาวบนสีขาว และเน้นไปที่ตัวผิวสัมผัสของเนื้อผ้าให้เห็นเป็นมิติ 

นอกจากนี้ กรรมวิธีการย้อมสีธรรมชาติของชาวบ้านถือเป็นข้อได้เปรียบในแฟชั่นปัจจุบัน เพราะผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจการอนุรักษ์ธรรมชาติในช่วงที่อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ใช้วิธีการย้อมเคมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

EBF8C86A 7FED 4A0B 9FB3 8B140657A0DF
การผลิตผ้าทอไทลื้อ

“เพราะบนเสื้อผ้าไม่ควรมีแต่ลายเซ็น (signature) ของดีไซน์เนอร์ แต่ควรมีลายเซ็นของช่างทอผ้าด้วย… ชุดแต่ละชุด ผ้าแต่ละผืนเปรียบเสมือนการเดินทาง ซึ่งบางชุดใช้เวลายาวนานกว่า 2 ปี ฉะนั้นการถ่ายทอดกระบวนการทำงานร่วมกัน ระหว่างคนทอผ้าและดีไซน์เนอร์นักออกแบบ ที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มให้กับผู้บริโภคได้เห็น จึงเป็นสิ่งสำคัญ” อลิสัน  กล่าวปิดท้าย

“คราฟท์ติ้ง ฟิวเจอร์” (Crafting Futures) เป็นโปรเจกต์ระดับภูมิภาคที่บริติช เคานซิล เริ่มต้นขึ้นเพื่อฟื้นฟู และอนุรักษ์อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ส่งเสริมการทำงานหัตถกรรมของผู้หญิง และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่มุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน การปลูกฝัง “กระบวนการคิดเชิงออกแบบ” (Design thinking) ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ 

ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างดีไซเนอร์ชื่อดังจากอังกฤษ อลิสัน เวลช์, นักออกแบบรุ่นเยาว์ ชาวไทย และ ชาวบ้าน ช่างทอผ้า ในอำเภอปัว จังหวัดน่าน ได้พบปะ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และความร่วมมือสร้างสรรค์ผลงานขี้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ลืมรากฐานของวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไปในโลกที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว 

F1348D53 D564 45A7 8137 FDA5E2F9C184
การผลิตผ้าทอไทลื้อ

โดยล่าสุดผลงานต้นแบบ แฟชั่นเสื้อผ้าจากผ้าทอ ไทลื้อ  ได้ถูกจัดแสดงในเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) ที่ผ่านมา และโปรเจกต์ฯ จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เรื่องการประยุกต์ใช้นวัตกรรมต่างๆ เข้าสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น การประยุกต์ใช้เส้นใยจากวัสดุธรรมชาติอื่นๆ เผื่อทอผ้า เพื่อตอบโจทย์กระแสโลกในเรื่องความยั่งยืน (sustainability) และขยะเหลือศูนย์ (zero waste) และเพื่อให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ้าทอไทลื้อ  ที่ถูกสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ได้เฉิดฉายในสายตาของผู้คนในวงกว้างมากขึ้น

Avatar photo