นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การแข่งขันของสายการบินโลว์คอสต์ในไทยช่วงนี้ ยังไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะคู่แข่งเข้ามาแล้วก็ออกไปไม่ได้สู้กันดุเดือดนัก แอร์เอเชียเองก็มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1
ดังนั้น ปีนี้แอร์เอเชียคงไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปจากเดิม ยังคงมองการเติบโตไปเรื่อยๆ เพราะการท่องเที่ยวปีนี้ก็ถือว่าดี คาดว่าจะทำให้ธุรกิจสายการบินเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้แอร์เอเชียประมาณการรายได้จะเพิ่มขึ้น 17% จากปีที่แล้ว
แอร์เอเชียจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก ควบคู่ตลาดจีน-อินเดีย และอีกตลาดที่ทิ้งไม่ได้คือประเทศเพื่อนบ้าน ในอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ต้องให้ความสำคัญ เพราะสนามบินที่เปิดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านภายใน 2 ปีนี้จะมีเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4-5 สนามบิน
ปีนี้แอร์เอเชียเพิ่มเครื่องบินใหม่ 7 ลำ และมองโอกาสขยายไปเรื่อยๆ สำหรับประเทศจีน แอร์เอเชียให้ความสำคัญมานานแล้ว ปีนี้จะไม่ขยายเพิ่มขึ้นเพราะคิดว่าค่อนข้างอิ่มตัว
ทุกวันนี้แอร์เอเชียมีรายได้จากจีน 30% ไม่อยากให้โตมากกว่านี้ เพราะถ้าวันไหนเศรษฐกิจจีนมีปัญหา บริษัทอาจจะมีปัญหาตามไปด้วย จึงจะหันมาเน้นประเทศ CLMV ให้มากขึ้น โดยจะเพิ่มสัดส่วนตลาด CLMV จาก 12% ขึ้นเป็น 15% ให้ได้ภายใน 2 ปี
สำหรับการแข่งขันโลว์คอสต์แอร์ไลน์ปีนี้ การแข่งขันถือว่าไม่สูงมาก รายใหม่ที่เข้ามาก็ยังไม่ได้แข็งแรงนัก หลายรายเข้ามาแล้วก็ออกไป แอร์เอเชียยังคงเป็นผู้นำตลาดโลว์คอสต์แอร์ไลน์ในไทย โดยทิ้งห่างคู่แข่งพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ประมาท
“เราจะยังคงวิ่งเร็ว ทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ”
ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย กล่าวด้วยว่า สายการบินโลว์คอสต์ ต้องแข่งเรื่องราคาเป็นหลัก ราคาต้องมาอันดับ 1 ต้องถูก บริษัทก็ต้องดูแลต้นทุนให้ถูกในทุกเส้นทางที่เราบินเชื่อว่าแอร์เอเชียให้ราคาประหยัดที่สุด แคมเปญ 0 บาท และแคมเปญราคาถูกมีออกมาเรื่อยๆ และมีโปรโมชั่นตลอดทุกเทศกาล ทุกพื้นที่ แม้แต่จังหวัดเดียวแอร์เอเชียก็ร่วมจัดแคมเปญด้วย เพื่อกระตุ้นตลาดให้คนเดินทางต่อเนื่อง
ปัจจุบันแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งตลาดสายการบินโลว์คอสต์ประมาณ 31-32% ขณะที่คนอื่นอยู่ที่ 18-19% อันดับ 2 และ 3 ส่วนแบ่งตลาดราว 18-19% ที่เหลือก็แบ่งๆ กันไปกับสายการบินอื่น เป็นสัดส่วนระดับนี้มา 2 ปีแล้ว เชื่อว่าตลาดคงอิ่มตัวอยู่ประมาณนี้
นายธรรศพลฐ์ ย้ำว่า การรักษาอันดับหนึ่งของตลาด ก็ต้องบริหารจัดการต้นทุนให้ดี รักษามาตฐานการบริการ ที่สำคัญราคาต้องประหยัดเหมือนเดิม ราคาปรับตามราคาน้ำมันบ้าง แต่ไม่ขึ้นมากจนเกินไป
ส่วนภาพรวมตลาดสายการบิน 2560 แอร์เอเชียมีผู้โดยสารเดินทางในประเทศประมาณ 12 ล้านคน จากตลาดในประเทศโดยรวม 45 ล้านคน ปีที่แล้วจำนวนคนเดินทางในประเทศเริ่มนิ่ง เพราะคนเดินทางต่างประเทศมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นตลาดก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-4% ทุกปี
ก่อนที่สายการบินโลว์คอสต์จะเข้ามา คนเดินทางโดยเครื่องบินในประเทศมีประมาณ 6.5 ล้านคน ผ่านมา 13-14 ปีเพิ่มขึ้นมาก คาดว่าปีหน้าจะแตะ 50 ล้านคนได้ คิดว่า ยอดผู้เดินทางยังคงไปได้เรื่อยๆ
ตอนนี้รัฐบาลเน้นเมืองรอง สนามบินรองเพิ่มขึ้นปีละ 2-3 สนามไปจนถึง 5 ปีข้างหน้า การท่องเที่ยวก็จะกระจายไปอยู่เมืองรอง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่กระจายการท่องเที่ยวออกไปเมืองรองต่างๆ เช่น พะเยาว์ แม่ฮ่องสอน น่าน แม่สอด เบตง ฯลฯ หลายจังหวัดน่าเที่ยวรัฐบาลก็ไปขยายสนามบินรองรับ นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี
“แผนงานแอร์เอเชีย ปีนี้จะเน้น CLMV และอินเดีย มากขึ้น ส่วนจีนคงไม่เปิดเพิ่มแต่อาจเพิ่มความถี่ จากจุดที่ไปอยู่ในปัจจุบัน 15 เมือง เราเพิ่มเครื่องบิน 7 ลำครึ่งนึงเพิ่มในประเทศ และครึ่งนึงไป CLMV” ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย กล่าวและว่า อินเดียตลาดยังเล็กอยู่ สัดส่วนตลาด 2-3% แต่ CLMV ไปประมาณ 10% แล้ว ตลาดเพื่อนบ้านถือว่าค่อนข้างดี
ตลาดในประเทศเมืองหลักขยายแทบไม่ได้แล้ว สล็อตหลุมจอดต่างๆ ค่อนข้างเต็ม ขยายได้เฉพาะเมืองรอง ซึ่งยังไปได้ดี ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเยอะ เหตุการณ์บ้านเมืองสงบนักท่องเที่ยวเข้ามามาก โดยเฉพาะจีนนักท่องเที่ยวมากที่สุด รองมาเป็นยุโรป และอาเซียนด้วยกันเอง
ส่วนการซื้อคืนหุ้นแอร์เอเชียจากคิงเพาเวอร์ นายธรรศพลฐ์ เผยว่าเพื่อความคล่องตัวการเป็นผู้บริหารวิ่งได้เร็วกว่า เป็นผู้ถือหุ้นด้วยผู้บริหารด้วยคล่องตัวกว่า เพราะบางทีการตัดสินใจบางเรื่องต้องรอเข้าประชุมบอร์ด อีกอย่างธุรกิจนี้แข่งขันเยอะ ทางคิงเพาเวอร์เองก็เข้าใจ เขาทำธุรกิจเยอะอาจไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร บริษัทก็เลยซื้อคืน ตอนที่ขายตอนนั้นไม่มีปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ฟุตบอลก็ดี
“การขายหุ้นรอบที่แล้วไม่ได้ต้องการหาพาร์ทเนอร์ แต่ขายแล้วมันไม่ดีเท่าทำเองก็ซื้อกลับ หลังขายไป 1 ปีกับอีก 5 เดือน” นายธรรศพลฐ์ กล่าวและ่ว่า ล่าสุดแอร์เอเชียขยายงานรับพนักงานเพิ่ม และเพิ่มเครืองบินอีก 7 ลำ รวมฝูงบินเพิ่มจากปีที่แล้ว 56 ลำมาเป็น 63 ลำในปีนี้
