แม้จะบุกแพ้โรม่า 2-4 แต่ก็เพียงพอทำให้ลิเวอร์พูลตีตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่ยุโรป “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” ได้เป็นครั้งแรกรอบ 11 ปี
สองประตูที่ยิงได้ในเกมนี้ทำให้”หงส์แดง” ยิงรวมสองนัดถึง 7 ลูกแต่ก็เสียไปถึง 6 ลูก เหล่าเดอะ ค็อปเริ่มคาดหวังกับการกลับมาของ “เร้ด แมชชีน” เครื่องจักรสีแดงอีกครั้ง
ตลอด 14 เกมจากรอบเพลย์ออฟจนถึงรอบรองชนะเลิศ “หงส์แดง” กระซวกคู่แข่งไปถึง 46 ลูก มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ไม่มีทีมใดเทียบเท่าในหนึ่งฤดูกาล (เฉลี่ยนัดละ 3.29) ทำลายสถิติเดิมของ บาร์เซโลน่า ที่ทำไว้ 45 ประตู จาก 16 นัด ในฤดูกาล (1999-00)
โดยใน 46 ประตูที่ทำได้แบ่งเป็นของสามประสาน SMF โม ซาลาห์ 10 ลูก, มาเน่ 9 ลูก และ ฟีร์มิโน่ 10 ลูก ทำสถิติเป็น 3 นักเตะจากทีมเดียวกันที่ยิงรวมกันมากที่สุดในฤดูกาล ทำลายสถิติเดิมของ BBC โรนัลโด้ (17) + เบล (6) + เบนเซม่า (5) 3 ประสานเรอัล มาดริดในซีซั่น 2013-14
นอกจากนี้พวกเขายังยิงนอกบ้านได้ 20 ประตูนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มซึ่งมากที่สุดเทียบเท่า เรอัล มาดริด ทำได้ในฤดูกาล 2013-14
แม้เรอัล มาดริด จะมีสถิติเยี่ยมในรอบชิงชนะเลิศ 6 ครั้งหลังสุดไม่เคยพลาดแชมป์เลย โดยทีมสุดท้ายที่ยัดเยียดความปราชัยให้ “ราชันชุดขาว” ในนัดชิงดำก็คือลิเวอร์พูล ในซีซั่น 1980-81
“ปาฏิหาริย์อิสตันบูล” คือแชมป์ครั้งล่าสุด แฟนหงส์จึงหวังให้เกิดขึ้นอีกครั้งที่กรุงเคียฟ
แชมป์สมัยที่ 6 ของลิเวอร์พูลจะเกิดขึ้นหรือไม่ 26 พฤษภาคม ได้รู้กัน!!
