Properties

คลังเล็งดันสินเชื่อบ้านล้านหลังอีก 7 หมื่นรายภายในปีนี้

วันนี้ (30 ม.ค.) 3 สมาคมด้านอสังหาฯ ได้แก่สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทยจัดสัมมนาใหญ่ประจำปี “อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2019” มีประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์มาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งได้กล่าวถึงข้อคิดเห็นต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายด้าน โดยเฉพาะนโยบายส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องให้ความสำคัญ

รูปสัมมนาช่วงเช้า ๑๙๐๑๓๐ 0010
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวเปิดงานในหัวข้อ “นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2562”  ถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายบ้านล้านหลัง ที่มีผู้จองสิทธิ์มากว่า 1.2 แสนราย ที่ผ่านมาธอส.ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาท ทยอยให้สินเชื่อกับผู้ได้สิทธิ์ไปแล้ว

ล่าสุดทางกระทรวงการคลัง กำลังเตรียมดำเนินการเสนอรัฐบาล ขอนุมัติสินเชื่อบ้านล้านหลังให้กับอีก 70,000 ราย หรือ 70,000 ล้านบาทให้กับผู้ได้สิทธิ์ให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายในปีนี้

พร้อมกล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ ควรให้ความสำคัญส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ให้กับประชาชนเพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำเกิดความมั่นคงในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

นโยบายพรรคการเมืองไหน ถ้าไม่มีแผนเรื่องจัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชน ก็ไม่ต้องเลือก

“ปัจจุบันเรามีว่าที่นายกรัฐมนตรี 25 คน มีช่วงอายุตั้งแต่กว่า 30-70 ปี ในช่วงเลือกตั้งทุกพรรคบอกตัวเองพร้อมจะเป็นรัฐบาล เสนอชื่อนายกตามรัฐธรรมนูญใหม่ ให้โควต้าพรรคละ 3 คน จาก 50 พรรค จะมีการเสนอ 150 คน ซึ่งอาจซ้ำกันส่วนหนึ่งตัดออกแล้วน่าจะเหลือประมาณ 50 คน จาก 20 พรรคการเมือง มีส.ส.รวมกัน 2,000 คน” นายสุรชัย กล่าวและว่า ต้องจับตาดูเรื่องการเมืองที่จะเปลี่ยนแปลง เป็นปัจจัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ประธานบอร์ดธอส. ย้ำว่า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอุตสาหกรรมสำคัญ ดูเฉพาะตัวเลขสินเชื่อธอส.ต่อปีกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งธอส.ให้สินเชื่ออสังหาอย่างเดียว ช่วยจีดีพีประเทศได้ถึง 8% แต่ทุกวันนี้จะมองอสังหาฯอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองควบคู่ไปกับไอที และโลจิสติกส์ซึ่งเติบโตไปด้วยกัน

ในปีปี 2561 ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯ มีมูลค่าการโอนทั่วประเทศ 7.5 แสนล้านบาท แต่การโอนส่วนใหญ่คนมักแสดงมูลค่าต่ำกว่าจริงประมาณ 10% ดังนั้น มูลค่าจริงการโอนอสังหาฯปีที่ผ่านมาเกือบ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสำคัญต่อการจ้างงาน ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นมากมาย  ปีที่ผ่านมาอสังหาฯฟื้นตัวทุกพื้นที่ดีหมดทั่วประเทศ โดยเฉพาะกทม.และปริมณฑล การโอนทั่วประเทศ 3.58 แสนหน่วย เติบโต 14% มูลค่าโอนราว 8.25 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 23%

2562 อสังหาฯชะลอตัวเล็กน้อย

สำหรับปี 2562 ตลาดอสังหาฯจะมีการปรับตัว เพราะสถานการณ์ดอกเบี้ยสูงกระทบแน่ ดอกเบี้ยสูงการลงทุนชะลอตัว แต่ต้องปรับตัวได้เชื่อว่าไม่มีทางเลวร้ายกว่าปีนี้ ต่ำอย่างไรก็ไม่เลวร้ายหรืออย่างน้อยก็โตเท่ากับปี 2560 เพราะปัจจัยหลายอย่างถูกทลายไปแล้ว ฝ่ายวิชาการชี้ตลาดอสังหาฯจะปรับตัวโดยวิธีย่อตัว เป็นศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ใหม่ คือการเติบโตอย่างระมัดระวัง

ดังนั้นสิ่งที่เตรียมไว้ก็คือการกระตุ้นในภาครัฐ บ้านล้านหลังรมว.คลังอนุมัติมาแล้ว 50,000 ล้านบาท แต่อีก 70,000 คนที่มาจองจะทิ้งไม่ได้ อยู่ในขั้นตอนการของกระทรวงการคลัง มีเวลาภายในปีนี้ รัฐบาลจะกระตุ้นเรื่องนี้ต่อเนื่อง

อีกเรื่องที่อยากให้ความสำคัญ คือ “บ้านมือสอง” นายสุรชัย กล่าวว่า อยากให้ผู้ประกอบการปรับตัวหันมาดูบ้านมือสอง ซึ่งเป็นตลาดที่รองรับอีกเซคชั่นของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะธอส.ต้องการมากทรัพย์เอ็นพีเอของธนาคาร อยากให้ผู้ประกอบการซื้อไปปรับปรุงมาขาย โดยธอส.มีสินเชื่อโครงการพร้อมปล่อยกู้

นอกจากนี้ ธอส.มีโครงการ “ธอส.โรงเรียนการเงิน” เป็นโครงการซีเอสอาร์ สำหรับช่วยผู้ขอสินเชื่อที่หลักฐานการเงินไม่ดี เราสร้างวินัยทางการเงิน เช่นเดียวกับผู้ประกอบการ ถ้ามีผู้ซื้อบ้านถ้าข้อมูลไม่พอแบงก์ปฏิเสธ ให้ส่งมาธอส.เรามีมาตรการช่วยเหลือได้

อีกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้านมือสอง รัฐบาลนี้อาจไม่ทัน คือกฎหมายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีประโยชน์มาก ปัญหาใหญ่บ้านเรา ไม่ไว้ใจนายหน้าที่มาซื้อขายกลัวการหลอกลวง จะมีกฎหมายควบคุมแต่ต้องรอรัฐบาลหน้า เพราะล่าสุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ไม่รับร่างกฎหมายใหม่แล้ว กฎหมายนี้จะครอบคลุมการขายต่างประเทศด้วย ขึ้นทะเบียนนายหน้าสามารถซื้อขายได้ข้ามประเทศ

อีกโครงการคือการจัดทำระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง ดำเนินการผ่านกระทรวงการคลังมาแล้ว จะมีการทำฐานข้อมูลนี้ออกมา เพื่อขายข้อมูลให้ผู้ประกอบการ เชื่อว่าปี 2562 เกิดแน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “บีโอไออสังหาฯ” ซึ่งจะหมดกลางปีนี้ ท่านรองนายกฯ (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) สั่งให้บีโอไอทำโครงการนี้ต่อ อยากให้เอกชนเสนอเข้ามาจะเป็นตัวเลขเก่าหรือจะเพิ่มอย่างไร ถ้าทำบ้าน 1 ล้านบาทไม่ไหวจะส่งมาเป็น 1.2-1.5 ล้านบาทก็ให้รีบส่งมา บีโอไอกำลังเตรียมดำเนินการ โครงการนี้จะช่วยทั้งผู้ประกอบการและประชาชน และน่าจะทำให้เสร็จทันก่อนเลือกตั้งรอบนี้

Avatar photo