Properties

‘ฮาบิแทท’ ลงทุนอสังหาฯ 8 พันล้านมั่นใจตลาดบนยังโต

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เปิดแผนธุรกิจปี 2562 เร่งแผนสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ลุยเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯและพัทยาเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท มั่นใจตลาดคอนโดมิเนียมโลวไรส์ระดับบน ในทำเลศักยภาพโซน ซีบีดีกรุงเทพฯและพัทยา ยังมีความต้องการต่อเนื่อง

นายชนินทร์ วานิชวงศ์
นายชนินทร์ วานิชวงศ์

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า แม้ปัจจัยภายนอก ทั้งความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก ทั้งในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ราคาพลังงาน และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมือง การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้หลายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดเป้าหมาย และระมัดระวังในการลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้น แต่ ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังคงมีความมั่นใจว่า กำลังซื้อของลูกค้าในกลุ่มระดับบนยังคงดีอยู่

ดังนั้นในปี 2562 บริษัทยังคงตั้งเป้าเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแผนการขยายการพัฒนาโครงการ ที่มากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บนทำเลศักยภาพตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ กรุงเทพฯ โซนธุรกิจ (CBD) ตามแนวรถไฟฟ้า ได้แก่ ทองหล่อ, พร้อมพงษ์ และอโศก รวมถึงทำเลในเมืองพัทยา โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 50% จากยอดขายใน 2561 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท

วาลเด้น อโศก
โครงการ “วาลเด้น อโศก”

“ในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนที่วางไว้ เห็นได้จากการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จะเปิดตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งในแง่จำนวนโครงการ และมูลค่าการลงทุนที่สูงขึ้นกว่าปี 2561 โดยปีนี้จะเน้นการกระจายความเสี่ยง ด้วยการขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น และขยายพอร์ตรายได้ประจำให้บริษัท” นายชนินทร์ กล่าว

การเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ จำนวน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “วาลเด้น” ที่มี คอนเซ็ปต์เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์ บนทำเลซีบีดีทั้งหมด มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท และพัทยาอีก 2 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการในแบบ Lifestyle Investment โดยยังคงคอนเซ็ปต์ดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกเข้ามาบริหาร มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท

โดยโครงการแรกอยู่ในโซนพัทยาเหนือ คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมขายได้อย่างเป็นทางการ ในไตรมาสแรกปี 2562 ส่วนอีกโครงการ เป็นคอนโดมิเนียมโซนหาดนาจอมเทียน บนพื้นที่บีชฟร้อนท์ 8 ไร่ อยู่ระหว่างการออกแบบ  คาดว่าจะเปิดตัวได้กลางปี 2562

สำหรับตลาดพัทยา จะมีการทำโครงการที่ใหญ่ขึ้น และมีจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับดีมานต์ที่มีอย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมา ฮาบิแทท ปิดการขายโครงการ ในพัทยาได้ทั้งหมด โดยมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และยังเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และกลุ่มนักลงทุน ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลศักยภาพในการพัฒนาค่อนข้างจำกัด แต่เป็นที่ต้องการสูง

ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์
โครงการ “ครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์”

ตรงกับกลยุทธ์ของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพ เช่น ในกรุงเทพฯ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า โดยทำราคาขายที่จับต้องได้ และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมทั้งเมืองพัทยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวได้ดี จากทิศทางการท่องเที่ยว และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

“ปัจจัยดังกล่าวทำให้ฮาบิแทท กรุ๊ป สามารถเดินหน้าตามแผนสร้างการเติบโต ด้วยการขยายการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และมองทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ เติบโตเป็นบวก โดยแรงหนุนจากการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนด้านต่างๆ ยังคงเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งสินค้าของบริษัทสามารถแข่งขันได้ ด้วยความโดดเด่นด้านดีไซน์ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง”

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ด้านการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ฮาบิแทท กรุ๊ป มุ่งกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าเป้าหมาย ให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมองหาโอกาสในตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าคนไทย จีน และฮ่องกง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่บริษัทมีความใกล้ชิดอยู่แล้ว จะรุกขยายไปเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น กลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง และในเอเชียอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินเดีย

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายมาจากกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติ 600 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดขายรวม และคาดว่ายอดขายจากกลุ่มนี้ จะเติบโตเพิ่มเป็น 40% ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทมีเป้าหมายขยายพอร์ตรายได้ประจำ (recurring income) ของบริษัทให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 10% และตั้งเป้าภายใน 3 ปี สัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 30% เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

โดยปัจจุบันมีโรงแรมเปิดบริการแล้ว 2 แห่ง ที่พัทยา คือ The Ville Jomtien (เดอะ วิลล์ จอมเทียน) และ X2 Vibe Pattaya Sephere (ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์) โดยมี ฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ (Habitat Hospitality) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เป็นผู้บริหารจัดการในด้านนี้

สำหรับปีนี้จะเปิดตัวโรงแรมในพัทยาเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ X2 Pattaya Oceanphere (ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์) จะเปิดให้บริการในไตรมาส 2 และ Best Western Premier Bayphere Pattaya (เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา) ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ของปีนี้

วาลเด้น สุขุมวิท 39
โครงการ “วาลเด้น สุขุมวิท 39”

“สิ่งสำคัญการเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง ด้วยการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ทุกอย่างต้องตัดสินใจบนฐานข้อมูล และทำในสิ่งที่เรามีความเชี่ยวชาญ การเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่มากขึ้นในปีนี้ เป็นการตอกย้ำการเติบโต ที่เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของฮาบิแทท กรุ๊ป” นายชนินทร์ กล่าว

Avatar photo