ทุกวันนี้คนไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ถึง 75 % หรือประมาณ 320,000 คนต่อปี เฉลี่ยชั่วโมงละ 37 คน และหนึ่งในโรค NCDs ที่มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 4 ก็คือ “เบาหวาน” รองจากหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือด และทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง
สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ออกมาย้ำถึงสาเหตุ และการควบคุมโรคเบาหวานให้อยู่หมัด จำเป็นต้องลด หวาน มัน เค็ม รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยระบุว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะดูแลสุขภาพได้อย่างยั่งยืน
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อาหารมีส่วนสำคัญในการรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งคนเป็นเบาหวานมักละเลยในเรื่องของอาหารการกิน โดยอาจคิดว่าเมื่อได้ยาแล้ว คงหายเหมือนกับโรคทั่วไป ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
เนื่องจากโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด การใช้ยารักษาเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถควบคุมเบาหวานได้ ดังนั้น การควบคุมอาหารและรู้จักเลือกทานอาหารที่เหมาะสม ในปริมาณที่ถูกสัดส่วนกับความต้องการของร่างกาย ถือเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวานได้
หลักการรับประทานอาหารสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ไม่ได้แตกต่างจากหลักการรับประทาน เพื่อให้มีสุขภาพดีของคนทั่วไป คือ
- กินอาหารให้ครบหมู่
- กินให้ถูกสัดส่วน
- กินในปริมาณพอเหมาะ
- กินให้หลากหลาย
ทั้งนี้ เบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน หรือ การออกฤทธิ์ของฮอร์โมนอินซูลิน หรือ ทั้ง 2 อย่างรวมกัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารมาเป็นพลังงานได้ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ
หากมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน โดยไม่มีการควบคุม อาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ประกอบด้วย
- อาการชาปลายมือปลายเท้า
- จอประสาทตาเสื่อม
- ไตวาย
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการ สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ เสริมว่า เบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดได้ โดยวิธีดังต่อไปนี้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ เพื่อลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
สำหรับเมนูผู้ป่วยเบาหวาน สถาบันฯแนะนำ 7 ข้อดังนี้
- รับประทานข้าว หรือแป้งที่มีกากใยสูง อย่างข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ ปริมาณ 1 กำมือต่อมื้อ
- ทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย ไม่ติดมัน และหนัง เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว เต้าหู้ 1 อุ้งมือ
- แต่ละมื้อควรรับประทานผักต้มสุก ประมาณ 2 อุ้งมือ โดยเน้นผักใบเขียว หลีกเลี่ยงข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง เนื่องจากให้แป้งสูง
- สามารถรับประทานผลไม้ได้ทุกวัน โดยทานวันละ 2-3 กำมือ โดยไม่จิ้มพริกเกลือ
- หลีกเลี่ยงผลไม้แปรรูปทุกชนิด
- ดื่มนมรสจืดพร่องมันเนย หรือขาดมันเนย 1-2 แก้วต่อวัน หากเป็นนมถั่วเหลืองหรือ น้ำเต้าหู้ ควรเลือกชนิดหวานน้อย 1 แก้วต่อวัน
- ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงขนมหวาน ชา และกาแฟ