ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินขยับไทม์ไลน์ คาดเจรจากลุ่ม CP จบเดือนนี้และชงเข้าบอร์ด EEC เดือนหน้า ด้าน ‘แหลมฉบังเฟส 3’ กำหนดขายทีโออาร์รอบ 2 วันที่ 28 ม.ค.
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า การลงทุน 5 โครงการหลักในอีอีซี มีเอกชนเดินหน้าร่วมลงทุนตามเป้าหมาย ได้แก่
1.โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาท ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้นำผลการรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชนเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 มาปรับปรุงเอกสารคัดเลือก (TOR) ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
หลังจากนี้จะประกาศเชิญชวนเอกชนเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 24 มกราคม 2562, ขายทีโออาร์ฉบับแก้ไข 28 มกราคม– 1 กุมภาพันธ์ 2562 โดยให้เอกชนยื่นข้อเสนอใหม่วันที่ 29 มีนาคม 2562 คาดว่าจะได้ผู้ผ่านการประเมินภายในเดือนเมษายน 2562
2.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และการลงทุนที่เกี่ยวข้อง วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอ คือกลุ่ม CP ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้ โดยอัยการจะตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จและเสนอ กพอ. อนุมัติผลการคัดเลือกภายในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยขยับจากเป้าหมายเดิมที่จะเสนอ ครม. และลงนามสัญญาภายในเดือนมกราคม 2562
3. โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก อยู่ระหว่างการตอบคำถามผู้ซื้อเอกสารการคัดเลือก และจะประชุมชี้แจงเอกสารการคัดเลือกเอกชน ครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 โดยกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าจะได้ผู้ผ่านการประเมินภายในกลางเดือน เมษายน 2562
4. โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 สิ้นสุดการตอบคำถามเกี่ยวกับเอกสารการคัดเลือกเอกชนในวันที่ 22 มกราคม 2562 ให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าจะประกาศผู้ผ่านการประเมินภายในเดือนมีนาคม 2562
5. โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา อยู่ระหว่างให้เอกชนส่งคำถามผ่านอีเมล ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 และเปิดให้ตรวจสอบข้อมูลโครงการ ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากนั้นจะเปิดซองข้อเสนอจากบริษัท Airbus S.A.S. ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 และประเมินข้อเสนอแล้วเสร็จภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2562
แก้ทีโออาร์แหลมฉบัง คลายปมจ่ายเงิน 3.2 หมื่นล้านบาทเข้ารัฐ
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (บอร์ด กทท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (22 ม.ค.) คณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 ท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาท ได้รายงานผลการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนและการปรับเงื่อนไขการประมูล (TOR) ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ให้ที่ประชุมบอร์ดการท่าเรือฯ รับทราบ
เบื้องต้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนว่า สาเหตุที่เอกชนส่วนใหญ่ไม่ยื่นข้อเสนอในวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเงื่อนไขด้านคุณสมบัติเข้มงวดมากเกินไปและทีโออาร์กำหนดให้ส่งรายได้เข้ารัฐปีละ 4,300 บาทในปีท้ายๆ ของสัมปทาน ซึ่งเอกชนเห็นว่าสูงเกินไปและได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า
คณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงปรับทีโออาร์ให้เปิดกว้างและสอดคล้องกับความต้องการของเอกชนมากขึ้น เช่น เปิดกว้างให้ใช้ประสบการณ์ของบริษัทในเครือมาเป็นคุณสมบัติในการประมูลได้ และเปลี่ยนคุณสมบัติด้านประสบการณ์ จากเดิมที่กำหนดให้ต้องมีประสบการณ์บริหารท่าเรือ 10 ล้านที.อี.ยู.ต่อปี เป็นเวลา 3 ปีต่อเนื่องกัน ก็ให้เปลี่ยนเป็นเคยบริหารท่าเรือที่มีตู้สินค้า 2,000 ตู้ต่อความยาวหน้าท่า 1 เมตร
รวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ่ายค่าสัมปทานคงที่ โดยเปิดให้เอกชนเสนอการจ่ายค่าสัมปทานในแต่ละปีได้อย่างอิสระ แต่รวมตลอดอายุสัมปทาน 35 ปี จะต้องส่งรายได้ให้การท่าเรือฯ รวม 32,225 ล้านบาทเท่าเดิม
