รัฐบาลอินโดนีเซีย พิจารณาถึงการออกพันธบัตรภัยพิบัติ ที่จะเป็นเหมือนกรมธรรม์ประกันภัย กรณีที่เกิดภัยธรรมชาติขึ้นมา ในความพยายามที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากที่ต้องเจอกับคลื่นยักษ์สึนามิพัดเข้าถล่ม 2 ครั้งติดๆ กันเมื่อปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังอินโดนเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังหารือถึงการออกพันธบัตรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายเพื่อระดมเงินมาใช้เป็นกองทุนสำหรับการฟื้นฟูความเสียหาย ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติต่างๆ ขึ้นมา โดยแลกกับการให้ดอกเบี้ยในระดับสูงกับนักลงทุน
ระหว่างปี 2543 -2559 เศรษฐกิจอินโดนีเซียได้รับความเสียหายโดยตรงจากภัยธรรมชาติเฉลี่ยปีละ 22.8 ล้านล้านรูเปียะห์ ส่วนค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย ที่รัฐบาลจ่ายออกมาเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติเหล่านี้ อยู่ที่ราว 3.1 ล้านล้านรูเปียะห์ หรือแค่ 10% ของความต้องการทั้งหมด
การขาดเงินทุนดังกล่าว อาจบั่นทอนความพยายามที่จะหาทางป้องกันภัยพิบัติต่างๆ โดยหลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิถล่มเกาะสุลาเวสี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนนั้น ก็ได้มีการออกมาเปิดเผยว่า ระบบเตือนภัยสึนามิของอินโดนีเซียไม่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2555 แล้ว
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติอินโดนีเซีย ระบุว่า ขาดงบประมาณที่จะนำไปซ่อมบำรุง และตรวจสอบ
พันธบัตรภัยพิบัติ ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง อาจนำเงินต้นบางส่วน หรือทั้งหมดของนักลงทุน ไปจ่ายเป็นค่าประกันสำหรับการเกิดภัยพิบัติขึ้นมา โดยจะมีการรักษาสมดุลความเสี่ยงไว้ด้วยการให้ดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง และข้อเสนอที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก หากไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นมา
