Finance

‘แอสเซท พลัส’ เปิดมุมมองเศรษฐกิจโลก 2019

บลจ.แอสเซท พลัส มองเทรนด์เศรษฐกิจโลกปี 2019 หลายปัจจัยยังผันผวน แนะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก ปรับพอร์ตอย่างยืดหยุ่น เน้นรักษาระดับความผันผวนระยะสั้น ให้อยู่ในระดับต่ำกว่าความผันผวนระยะยาว เปิดตัว กองทุน ASP-AAA เป็นทางเลือกในการลงทุนทุกสภาวะ เสนอขายครั้งแรก (IPO) 21 – 31 มกราคมนี้ ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

Ratch
นายรัชต์ โสดสถิตย์

นายรัชต์  โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (บลจ. แอสเซท พลัส) ตลาดทุนมีการปรับตัวลดลงจากเดิมค่อนข้างมาก แต่พื้นฐานของตลาดโดยรวมยังแข็งแกร่ง ในจังหวะนี้ มองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมแก่ผู้ลงทุน ในการเข้าซื้อเพิ่มเติม จากบทวิเคราะห์พบว่าในอดีตที่ผ่านมา หากลงทุนในช่วงที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่มีความกังวลสูง  (Panic)  และผู้ลงทุนมีกรอบการลงทุนที่ยาวเพียงพอ มักจะเป็นช่วงที่สามารถทำกำไรได้ดี

อย่างไรก็ตามสำหรับในปี 2019 ตลาดยังคงมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน แต่แอสเซทพลัส ได้รวบรวมข้อมูลการคาดการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ 10 เรื่อง ที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุน และเป็นตัวช่วยตัดสินใจในการลงทุน ประกอบไปด้วย

1.แม้ว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ขยายตัว เมื่อเทียบกับทิศทางเดิมในช่วงปี 2017 แต่ Fed จะมีการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจโดยรวมไปต่อได้ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวในภาพรวม

2.ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากมีการปรับตัวขึ้นสูงไปแล้วในปี 2018 ประกอบกับ Fed มีทิศทางชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลง และการลงทุนในสหรัฐเริ่มมีความน่าสนใจลดน้อยลง อีกทั้งปัจจัยหนุนเรื่องการส่งเงินกลับประเทศเริ่มหมดไป

3.ราคาน้ำมันจะยังคงผันผวน และไม่มีทิศทางแน่นอน โดยได้รับปัจจัยลบจากภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีการชะลอตัว รวมถึงการหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น อาทิเช่น การใช้รถพลังงานไฟฟ้า แทนการใช้รถที่เติมน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาจะไม่ปรับตัวลงอย่างชัดเจน เนื่องจาก OPEC ได้มีแผนการลดอัตราการผลิตเพื่อรักษาสมดุลราคาน้ำมัน

ศก.โลก5

 4.ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วนั้น ตลาดมีการปรับตัวลงค่อนข้างมาก จนกระทั่งใกล้เคียงจุดต่ำสุด ทำให้มูลค่าพื้นฐานมีความน่าสนใจ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มปรับตัวอ่อนค่าลง การลงทุนในสหรัฐ หรือตลาดที่พัฒนาแล้ว มีความน่าสนใจน้อยลงเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่

อีกทั้งปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัว ทำให้ผลกระทบของตลาดเกิดใหม่ต่อราคาน้ำมันลดน้อยลง คาดว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้ากลับสู่ตลาด Emerging Market

5.ในปี 2019 การอัดฉีดสภาพคล่องในระบบ (QE) ลดน้อยลง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลก ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดน้อยลงของ easy money ธนาคารกลางทั่วโลก ทั้ง อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เริ่มมีแนวโน้มถอนเงินที่เคยอัดฉีดเพิ่มเติมในระบบออก

ในอดีตที่ผ่านมาสภาพคล่อง เป็นตัวที่ช่วยพยุงตลาดทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดทุน ให้สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากเงินอัดฉีดในระบบถูกปรับลดลงไป การลงทุนในปี 2019 คงต้องมีการระมัดระวังมากขึ้น

6.ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าในระยะยาว อาจจะไม่ได้บ่งบอกว่าภาวะของภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะชะลอตัวเสมอไป ในอดีตที่ผ่านมาหากเกิดเหตุการณ์ผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าว มักจะเป็นตัวสัญญาณบ่งบอก ถึงเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย

อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้อาจไม่ได้บ่งบอกว่าภาวะเศรษฐกิจจะเข้าสู่การถดถอย เนื่องจากการมีสภาพคล่องส่วนเกิน จากการอัดฉีด QE ทั่วโลก ทำให้เกิดการกดดันผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

7.ผลลัพธ์จากการทำสงครามทางการค้าของจีนกับสหรัฐ อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ของห่วงโซ่การผลิต ซึ่งสะท้อนได้จากภาพรวมระยะสั้น ที่เริ่มมีการย้ายฐานการผลิตจากจีน มายังภูมิภาคอาเซียน ที่มีค่าแรงค่อนข้างถูก ในระยะแรกนั้นเป็นการย้ายการ Repackaging โดยในระยะกลางถึงยาว น่าจะมีการย้ายฐานการผลิตให้เห็นสำหรับบริษัทใหญ่ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า

8.สำหรับธีมการลงทุนในปีนี้ หุ้นกลุ่มที่อยู่ในกระแส Disrupt ยังมีโอกาสเติบโตได้ดี เนื่องจากกลุ่มธุรกิจที่เข้ามา Disrupt ธุรกิจเดิมๆ ยังคงเป็นที่จับตา และมีอัตราการเติบโตสูง ตัวอย่างเช่น หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Service ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจแบบเก่า ให้เป็นรูปแบบใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจสะดวกต่อการบริหารจัดการ โดยอัตราการเติบโตของ Cloud Service ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึงร้อยละ17 ต่อปี

9.ในด้านเทคโนโลยีที่น่าสนใจปีนี้อาจจะมีการเริ่มใช้ สัญญานอินเตอร์เน็ต 5G ซึ่งมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 1,000 เท่า โดยผู้นำด้าน Smart Phone อย่าง Samsung และ Huawei ก็มีแผนที่จะเปิดตัว Smart Phone รุ่นใหม่ที่รองรับ 5G ทั้งนี้ หากมีการปรับใช้ 5G แล้ว จะสามารถปลดล็อคข้อจำกัดหลายๆ อย่างอาจมีกิจกรรมหลากหลายมากขึ้น ที่สามารถทำผ่านมือถือได้ ซึ่งเผยให้เห็นโอกาสในการลงทุน ในอีกหลายมิติมากขึ้นสำหรับนักลงทุน

เอไอ

10.แม้ว่าในปีที่ผ่านมา กระแสการใช้หุ่นยนต์ในงานด้านต่างๆ มีการชะลอตัว เนื่องจากภาพเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว แต่เชื่อว่าในอนาคต ด้วยอัตราการพัฒนาของนวัตกรรมที่ค่อนข้างสูง ธุรกิจบางประเภทจะถูก Disrupt โดยหุ่นยนต์ ซึ่ง ได้แก่ การทำฟาร์ม งานก่อสร้าง และ งานที่ไม่ต้องใช้ทักษะของแรงงานมาก ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ยังคงน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว

 

สรุปทิศทางการลงทุนในปีนี้ แนะนำว่าสำหรับตลาดทุนในประเทศพัฒนาแล้ว ควรเน้นลงทุนโดยการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว ในธีมที่มีความน่าสนใจ เช่น กลุ่มที่อยู่ในกระแส Disruptive โดยเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง

สำหรับตลาดทุนใน Emerging Market เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศที่คาดว่าได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น  ประเทศอินเดีย ได้รับอานิสงค์บวกจากปัจจัยดังกล่าวมากที่สุด เนื่องจากมีระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ประกอบกับมีภูมิคุ้มกันจากสงครามการค้าสหรัฐและจีน ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน  อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากท่าทีการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ส่งผลให้ค่าเงินรูปีของอินเดียกลับตัวดีขึ้น

อีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจคือประเทศจีน จะมีโอกาสเติบโตในระยะยาว แม้ว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากการตกลงทางการค้า ที่ยังไม่ชัดเจนกับสหรัฐ แต่รัฐบาลจีนก็มีเครื่องมือด้านนโยบายจำนวนมาก ที่จะนำมาใช้เพื่อสนับสนุนกลับมาเติบโตในอนาคต ประกอบกับการปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า ทำให้มูลค่าพื้นฐานของจีนต่ำมาก

สำหรับประเทศสุดท้ายคือ เวียดนาม ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในเรื่องการย้ายฐานผลิต เนื่องจากมีค่าแรงในการจ้างงานที่ยังถูก และมีแรงงงานที่มีความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้ง ยังมีประเด็นสงครามการค้าเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นให้จีน ย้ายฐานการผลิตเกิดเร็วขึ้น เวียดนามน่าจะได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าเหตุการณ์จะออกมาในแง่ใด ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยส่งผลให้ตลาดเวียดนาม สามารถขยายตัวได้ดีในอนาคต

กองทุนเปิด ASP AAA

 ขายกองทุนใหม่ ASP-AAA

ล่าสุดแอสเซทพลัส ได้เตรียมเปิดขาย กองทุนเปิด แอสเซทพลัส แอคทีฟ แอสเซท แอลโลเคชั่น (ASP-AAA) มุ่งเน้นสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในการลงทุน ให้แก่ผู้ลงทุนในทุกสภาวะ มีกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก โดยมีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุน ตามสัญญาณจากตัวชี้วัดทางการลงทุนในด้านต่าง ๆ

ทั้งนี้ ยังมีครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมความผันผวน ให้อยู่ภายใต้กรอบที่กำหนด เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง โดยสัดส่วนพอร์ตที่ดีที่สุดอยู่ที่ 60 (ตราสารหนี้) : 40 (ตราสารทุน และตราสารทางเลือก) ภายใต้กรอบของหลักการ Markowitz Mean-Variance Portfolio Optimization

สำหรับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จะเน้นลงทุนในประเทศไทยเป็นหลัก อาทิ เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ไทย เนื่องจากเรามองว่าจำนวน Trading Activities ของตลาดตราสารหนี้ของไทย อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยังต่ำกว่าตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้มีความผันผวนของราคาที่ต่ำกว่า

กองทุนเปิด ASP AAA 2

ส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จะมีการกระจายลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเราให้น้ำหนักการลงทุนไปที่ตราสารภายในประเทศ เนื่องจากเราเชื่อว่าสามารถสร้างโอกาส จากข้อได้เปรียบของการเข้าถึงข้อมูลที่มากกว่า

การลงทุนในตราสารต่างๆ มีการปรับสัดส่วน โดยใช้เครื่องมือพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ ที่ช่วยในการจับจังหวะการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสการลงทุน

นอกจากนี้  บลจ.แอสเซท พลัส ยังคำนึงถึง ความสำคัญด้านการถูกผลกระทบจากการขาดทุนสะสม จึงได้มีการนำเครื่องมือ Risk Budgeting Model มาช่วยควบคุมความผันผวน ให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ประมาณ 4-5% เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการลงทุนที่ผิดจังหวะ ส่งผลให้นักลงทุน สามารถลงทุนได้ทุกสภาวะการณ์

โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนรวมผสม ที่มีความเสี่ยงระดับ 5 จะลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนชั้นนำในประเทศ ลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกผ่าน ETF ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์/RIET ในประเทศเป็นหลัก รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและสินทรัพย์ทางเลือก ที่ถูกคัดเลือกโดยผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน 1

โดยกองทุน ASP-AAA มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 21 – 31 มกราคม 2562 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายหลัง IPO ทุกวันทำการซื้อขายของกองทุน 2 ตั้งแต่เวลาเปิดทำการ จนถึง 15.30 น.

กองทุน ASP-AAA ยังเอื้อต่อผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง โดยสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ ทั้งยังเพิ่มทางเลือกในการรับผลตอบแทน 2 ลักษณะผ่านหน่วยลงทุน 2 รูปแบบ คือ หน่วยลงทุนชนิด ASP-AAA-R ซึ่งจะจ่ายผลตอบแทนคืนเป็นรายเดือน ผ่านการรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto redemption) สูงสุดถึง 12 ครั้งต่อปี*

กองทุนเปิด ASP AAA 3

ในขณะที่หน่วยลงทุนชนิด ASP-AAA-A จะสะสมผลตอบแทนไว้ในกองทุนเพื่อ สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อเนื่อง ไปจนกว่าผู้ลงทุนจะขายคืน  ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดา ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษี

สำหรับปีนี้ เรามีการปรับกลยุทธ์และขยายรูปแบบการลงทุน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน โดย บลจ.แอสเซท พลัส มุ่งเน้นไปที่การสร้างบริษัทให้เป็น Innovation House เนื่องจากเรามีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ในการค้นหาแนวการลงทุนรูปแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับเทรนการลงทุนในอนาคต รวมถึงเสาะหา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน ที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ลงทุน และพร้อมรองรับการเติบโตในระยะยาว

การกระจายสินทรัพย์ลงทุน (Asset Allocation) สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 30  หุ้นไทย 10 ตราสารหนี้ 50 และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น น้ำมัน ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 10

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องอาศัยการจับจังหวะลงทุน (Timing) เป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่จะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ท่ามกลางตลาดที่มีความผันผวนสูงในปีนี้

Avatar photo