Business

อึ้ง!! 2 ปีพบ 27 บิ๊กบจ.ถูกฟันเรียบทั้งปั่นหุ้น – ใช้อินไซด์

ในช่วงที่ผ่านมา การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ลงโทษโดยใช้มาตรการทางแพ่งดำเนินการกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในกรณีการสร้างราคาหุ้น หรือปั่นหุ้น รวมทั้งการใช้ข้อมูลภายใน เพื่อสร้างประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น หรือการใช้อินไซเดอร์เทรดดิ้ง

สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2559 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางการกฏหมายของพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงโทษในความผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์แบบใหม่อีกแบบหนึ่งคือ “มาตรการลงโทษทางแพ่ง” เพิ่มขึ้นมานอกจากโทษทางอาญาที่มีอยู่แล้ว

สำหรับ มาตรการลงโทษทางแพ่งที่จะลงโทษแก่ผู้ที่กระทำความผิด ได้แก่

1. ค่าปรับทางแพ่ง

2. ชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด

3. ห้ามเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 5 ปี

4. ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่เกิน 10 ปี

5. ชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงานฯ เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้นคืนให้แก่สำนักงานฯ

จากการสำรวจข้อมูลของสำนักงาน ก.ล.ต.พบว่า ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบันพบว่า มีผู้บริหารจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สำนักงาน ก.ล.ต.ใช้มาตรการดังกล่าวลงโทษและสั่งห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน   27 ราย เป็นการกระทำผิดจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวม 13 บริษัท ส่วนใหญ่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะกระทำผิด กรณีการใช้อินไซด์ และการสร้างราคาหุ้น

เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาการห้ามนั่งเป็นผู้บริหารบจ.และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนนั้น จะมีระยะเวลานานสุด 3 ปี

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจ 04

ล่าสุดประเดิมต้นปี 2562 ด้วยกรณีของ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA  ผู้บริหาร 3 รายได้ร่วมกันซื้อขายหุ้น BA อย่างต่อเนื่อง และจับคู่ซื้อขายหลักทรัพย์ BA ระหว่างกันเองในลักษณะอำพรางการซื้อขาย ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ส่งผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น BA ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

หากย้อนไปในปี 2561 มีผู้บริหารที่รวมกันกระทำความผิด 9 คน  มีจำนวน 6 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC  โดยมีผู้กระทำผิด 7 ราย ได้รู้เห็นตกลงโดยแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดในการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ABC อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะผลักดันราคา และซื้อขายโดยรู้เห็นหรือตกลงกันในระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกัน ในลักษณะของการอำพราง เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปหลงผิดไปว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาหลักทรัพย์ ABC มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือซื้อหรือขายกันมาก อันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้นักลงทุนเข้ามาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ABC

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจv3 01

บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN ผู้บริหารได้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตรสาวขายหุ้น Modern 1.3 ล้านหุ้น  อาศัยข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินการของ Modern ในไตรมาสที่ 2/2559 ก่อนที่ Modern จะเปิดเผยงบไตรมาสที่ 2/2559 ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREM  ผู้บริหาร 3 ราย ร่วมกันอาศัยข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2559 และงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ที่ล่วงรู้ก่อนในลักษณะเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก

บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ผู้บริหารได้เข้ามามีอำนาจควบคุมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลและนิติบุคคลรวม 29 บัญชี ในการซื้อขายหุ้น ในลักษณะอำพรางการซื้อขายด้วยการจับคู่ซื้อขายระหว่างบุคคลในกลุ่ม เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปหลงผิดไปว่า ในช่วงเกิดเหตุหุ้น MILL มีการซื้อหรือขายกันมาก รวมทั้งมีการซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีเจตนาเพื่อชักจูงให้นักลงทุนรายอื่นเข้ามาซื้อขายหุ้น MILL ตาม ส่งผลให้สภาพการซื้อขายหุ้น MILL ในช่วงเกิดเหตุผิดไปจากสภาพปกติ

บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG โดยผู้บริหารได้ใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ของ TOG ที่มีกำไรสุทธิ 89.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 136.97% และ 119.23% เมื่อเทียบกับงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2557 และงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ตามลำดับ และใช้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิในงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ของ TOG ที่มีกำไรสุทธิ 75.30 ล้านบาท เพิ่้มขึ้น 73.22% และ 35.29% เมื่อเทียบกับงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2558 และงบการเงิน ไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ตามลำดับ เป็นข้อเท็จจริงด้านบวกที่มีสาระสำคัญส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น TOG ก่อนการประกาศสารสนเทศดังกล่าวต่อประชาชน

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจv2 01

บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA โดยผู้บริหาร 2 ราย ได้ล่วงรู้ข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ SRICHA ในเดือนพฤษภาคม 2560 จากการเป็นผู้เสนอขอแก้ไขประมาณการค่าใช้จ่ายของโครงการ PPC&PPE ต่อคณะกรรมการของ SRICHA ว่าค่าใช้จ่ายจริงของโครงการ PPC&PPE สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ประมาณการเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้งบการเงินไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 92.32 ล้านบาท  เป็นการขาดทุนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ SRICHA เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันเป็นข้อเท็จจริง

ด้านลบที่มีสาระสำคัญและส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น SRICHA เป็นข้อมูลที่บุคคลภายนอกไม่อาจคาดการณ์หรือล่วงรู้ได้ ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 19 ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ซึ่งผู้บริหารเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น SRICHA รวมจำนวน 225,700 หุ้น โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ บุตรชาย ก่อนที่ SRICHA จะเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวในงบการเงินไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2560 ต่อประชาชนในวันที่ 15 สิงหาคม 2560

ปี 2560 มีผู้บริหารที่ร่วมกันกระทำผิด 15 คน  และมี  5 บริษัท ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC  โดยผู้บริหาร 2 ราย ได้กระทำความผิดโดยการ สร้างราคาหุ้น TAPAC โดยส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น TAPAC ในลักษณะกระตุุ้นให้ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหว โดยกำหนดกรอบราคาให้นักลงทุนซื้อขาย ด้วยการจับคู่ซื้อขายกันภายในกลุ่มในราคาต่ำ ทำให้นักลงทุนหลงผิดไปว่าหุ้น TAPAC มีการซื้อขายกันมาก หรือมีราคาเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้การซื้อขายหุ้น TAPAC ไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด

บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT ผู้บริหาร 6 ราย ได้ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติให้บริษัทย่อยของ CWT เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทจำกัดแห่งหนึ่งจากผู้ขายในมูลค่า 70 ล้านบาท โดยมีข้อตกลงในการชำระเงิน ณ วันทำสัญญาประมาณ 70% และเงินส่วนที่เหลืออีก 30% จะชำระเมื่อผู้ขายหุ้นได้ดำเนินการทุกอย่างตามข้อตกลงแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ดี หลังจากการอนุมัติเข้าลงทุนเพียง 12 วัน กรรมการทั้ง 6 ราย ได้ตัดสินใจให้ CWT ชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด ทั้งที่ผู้ขาย ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งก่อนการทำข้อตกลง กรรมการอยู่ในสถานะที่จะทราบว่า ผู้ขายไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวได้ เป็นผลให้ CWT ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการต้องดำเนินการในส่วนที่เหลือเอง

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจv4 01

บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP  ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือNPPG โดยผู้บริหาร ร่วมกันทำรายการ ซื้อหุ้น NPP และ NPP-W1 ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์บุคคลอื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ NPP จำนวน 544.09 ล้านหุ้น ในปี 2557 ที่ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชน

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA ผู้บริหาร 3 ราย ได้ทำรายการซื้อขายหุ้น โดยอาศัย ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2557 ของ BLA ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 880.59 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชน

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจv5 02

บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ผู้บริหารได้ขายหุ้น DEMCO ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์  อาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ที่ลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชน

บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ผู้บริหาร 2 ราย ได้ซื้อหุ้น BIG ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง โดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงบการเงินปี 2558 เพิ่มขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญ ที่ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชน

27 บิ๊กบจ.ถูกสั่งห้ามนั่งบริหารบจv6 01

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight